Resist Chapter 18
Resist Chapter 18
“สายแล้ว ทำไมยังไม่ไปเรียน” วอนอูที่เพิ่งรู้สึกตัวตื่น เอ่ยถามอีกคนที่กำลังง่วนกับการทำอะไรสักอย่างอยู่ในห้องของเขา
“วันนี้ผมจะอยู่ดูแลคนป่วยล่ะ”
“ใครป่วย” วอนอูพูดพลางหันซ้ายทีขวาที
“ก็คนนี้ไง” มินกยูพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ในมือถือซุปที่เพิ่งปรุงเสร็จ
“ไปเรียนเถอะ”
“ไม่ครับ...วันนี้ผมจะอยู่กับพี่ทั้งวันเลยพูดพลางนั่งลงข้างๆเบียดคนเพิ่งตื่น
“โอเวอร์ไปแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมาก ดีขึ้นแล้ว” พูดพลางออกแรงผลักอีกคน
“เห็นไหม พี่ยังไม่มีแรงพอจะผลักผมเลย”
“ก็นายตัวใหญ่ ต่างหาก”
ก่อนที่ทั้งคู่จะเถียงกันไปได้มากกว่านี้ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของมินกยูก็ดังขึ้น
“ครับพี่...” มินกยูกดรับสาย หลังจากที่อ่านชื่อของปลายสาย
“...” วอนอูหันไปสนใจชามซุปตรงหน้า
“ใช่ครับ อยู่ครับ” มินกยูตอบปลายสายสั้นๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนยื่นโทรศัพท์ให้กับวอนอู
“...” วอนอูหันไปทำหน้าปนสงสัยใส่อีกคน
“มีคนจะคุยด้วยน่ะครับ” มินกยูพูดพลางยัดโทรศัพท์ใส่มือของอีกคน
“ฮัลโหล” เขาค่อยๆกรอกเสียงลงไป
“วอนอู นายอยู่ไหน เป็นอะไร ทำไมนายไม่มาเรียน แล้วทำไมไม่รับสาย แล้ว...” ปลายสายพูดรัว
“ใจเย็นนน” วอนอูพูดด้วยเสียงเรียบ คงเพราะชินกับนิสัยของอีกคน
“ทำไมไม่มาเรียน” ซึงซอลเริ่มถามคำถามอีกครั้ง
“เป็นไข้น่ะ”
“นายโอเคใช่ไหม”
“อืม ไม่ได้เป็นไรมากดีขึ้นแล้ว” วอนอูตอบสั้นๆ
“ไปหาหมอหรือยัง”
“ไม่ได้ไป กินยาแล้ว ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
“แล้วทำไมโทรไปไม่รับ”
“หืมมม โทรมาหรอ” วอนอูพูดพลางควานหาโทรศัพท์ไปรอบๆเตียง ก่อนหยิบขึ้นมาแล้วพบว่าเครื่องดับไป
“แบตหมดน่ะ”
“แล้ว...” ซึงซอลพูดได้เพียงเท่านี้ก็ถูกอีกคนขัดขึ้นเสียก่อน
“แล้วนายไม่เรียนหรอ” วอนอูพูดพลางเหลือบมองนาฬิกา
“เรียนสิ ก็เห็นนายยังไม่มา นายไม่เคยขาดเรียนเลยนะ”
“อื้ม งั้นไปเรียนเถอะ จดมาเผื่อด้วยนะ”
“เดี๋ยวสิ นายโอเคจริงๆใช่ไหม”
“อื้ม พักอีกวันก็ไปเรียนได้แล้ว”
“งั้นเลิกเรียนแล้วไปหานะ”
“อื้ม ได้สิ ไปเรียนเถอะ”
“เดี๋ยว!!”
“หืมมม มีอะไรอีก ไปเรียนได้แล้ว”
“ขอถามคำถามสุดท้ายนะ”
“ว่า...”
“เด็กนั่นน่ะดีกับนายใช่ไหม”
“อื้ม”
“จริงนะ”
“อื้มมมม”
“แล้ว...”
“ไปเรียนได้แล้ว ไหนบอกคำถามสุดท้ายไง”
“โอเค โอเค เดี๋ยวเจอกัน”
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น
มินกยูเดินไปเปิดประตูก็พบว่าคนที่อยู่หลังประตูก็คือรุ่นพี่ซึงซอล
“เข้ามาก่อนสิครับ”
“สรุปที่ห้องใครเนี่ย ทำไมเป็นนายมาเชิญฉันเข้าห้องล่ะ แล้วเจ้าของห้องไปไหนล่ะ”
“ใจคอจะให้คนป่วยไปเปิดประตูให้หรอครับคุณ”
“ก็ถามดูเฉยๆว่ายังอยู่ที่ห้องนี้ไหม”
“วันนี้ไม่มีซ้อมหรอ”
“มินกยูไม่ได้บอกหรอ วันนี้อาจารย์โค้ชติดประชุมน่ะ เลยไม่ได้ซ้อม”
“อ๋อ~~”
“มื้อเย็นพี่อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อให้” มินกยูถาม
“ซุปร้อนๆสักถ้วยก็พอ”
“พี่ซึงซอลอยู่กินข้าวด้วยกันไหมครับ”
“ไม่ล่ะ มาเดี๋ยวเดียวก็จะกลับแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ”
“ป่วยจริงใช่ป่ะ” ซึงซอลถามทันทีที่ประตูห้องปิดลงหลังจากที่มินกยูออกไป
“เห็นเป็นคนยังไง”
“อ้าว ก็ถามดูให้แน่ใจว่าไม่ใช่…”
“หยุดเลย หยุดคิดเลย”
“อยู่แล้วล่ะน่า ปกตินายไม่เคยหยุดเรียนเลย”
พยักหน้าหงึกๆ
“วันนี้ที่ร้านมีงานใช่ป่ะ” ว่าพลางฉีกยิ้มมุมปาก
“โน โน โน นายห้ามไป”
“ทำไมอ่ะ”
“ไม่สบายอยู่ ต้องพักผ่อน”
“หายแล้วนี่ไงพักมาตั้งวันนึงแล้ว”
“ก็ไปไม่ได้อยู่ดี นายไม่เข้าธีมงานวันนี้”
“อะไรอ่ะ ก็ไม่ได้ไปด้วยกันสักหน่อย”
“ยังไงก็ห้ามไป พักผ่อนอยู่ที่ห้องนะ” ว่าพลางยกมือวางบนผมอีกคนเบาๆ
“โหหห อุตส่าห์นับวันรองานนี้เลยนะ”
“เอาไว้งานอื่นค่อยไปแล้วกัน”
“ทำไมอ่ะ ก็คนมันอยากไปนี่” บ่นงึมงำนั่งหน้างอ
“ห้ามไป ถ้าไปจะบอกมินกยู”
“นายไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
“ก็ไม่แน่นะ”
“ไม่นายไม่ทำ”
“งั้นจะทำ”
“ไม่ได้ ห้ามทำ”
“จะทำ จะทำ ถ้าดื้อก็จะทำ”
“ใครดื้อไม่ดื้อ ห้ามทำ”
เสียงประตูดังขึ้นขัดจังหวะเถียงกันของทั้งสองพร้อมกับมินกยูที่เดินเข้ามาในห้อง
“หืมม กำลังคุยอะไรกันอยู่ครับ ทำไมพี่ทำหน้าแบบนั้นล่ะ” มินกยูที่เห็นว่าทั้งสองเหมือนคนที่หยุดพูดกลางคันกับพี่วอนอูที่นั่งหน้างอ
“หิวอ่ะ” วอนอูลุกขึ้นจากที่นอนตรงไปที่ถุงอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร
“เดี๋ยวผมเทใส่จานให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรกินในนี้แหละ” วอนอูหยิบกล่องอาหารสำเร็จรูปออกจากถุง
“พี่ซึงซอลกินด้วยกันไหมครับ”
“อ๋อไม่ล่ะ กำลังจะกลับพอดี งั้นนายสองคนกินให้อร่อยนะ” พูดพลางลุกจากที่นั่งก่อนทำท่าเดินไปที่ประตูห้อง
“เดี๋ยวผมเดินไปส่งนะครับ” มินกยูเอ่ย ในขณะที่วอนอูเอาแต่สนใจอาหารตรงหน้า
“ไม่ต้องหรอกกินข้าวเถอะ” ซึงซอลปฏิเสธ
“งั้นผมไปส่งพี่ที่ลิฟท์แล้วกันครับ” พูดพลางเดินไปหยุดที่ประตูห้อง
“ส่งตรงนี้ก็พอ นายจะทางการอะไรเนี่ย” ซึงซอลพูดพลางสวมรองเท้า
“อ่า...งั้นก็ได้ครับ” มินกยูรับคำ
“อือมินกยู” ซึงซอลเรียกชื่ออีกคนก่อนที่จะกระซิบอะไรบางอย่าง
“เมื่อกี้คุยอะไรกับซึงซอลหรอ”
“ไม่มีอะไรครับ”
“แต่ว่าเมื่อกี้...”
“กินเยอะๆสิครับ แล้วจะได้กินยา” มินกยูเปลี่ยนเรื่อง
“ซึงซอลกระซิบอะไร”
“ก็แค่…”
“แค่?”
“แค่บอกให้ดูแลพี่ดีๆน่ะครับ”
“งั้นหรอ”
ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นอีกจนกระทั่งมื้ออาหารเย็นจบลง มินกยูเก็บกวาดภาชนะและโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว หันมาถามคนพี่ว่า “คืนนี้ผมขอนอนห้องพี่ได้ไหม”
“หึ..เดี๋ยวก็ติดหรอก”
“แต่ผมอยากดูแลพี่อ่ะ”
“ไม่ต้องหรอกนายไปพักผ่อนเถอะ แค่นอนพักอีกสักคืนก็หายแล้ว”
“งั้นก็ได้ครับ”
แม้ว่าอยากจะนอนห้องเดียวกันเพื่อที่จะดูแลคนป่วยได้เต็มที่ แต่พอเห็นสภาพอิดโรยเพราะพิษไข้จึงไม่อยากเซ้าซี้มากนัก เดินกลับห้องแต่โดยดี แต่ก็ไม่วายกำชับอีกคนว่าถ้ารู้สึกไม่ดีให้โทรหาทันที
21.17 น.
ร้านคุปส์บาร์
ผู้คนที่ทยอยกันเดินทางมาที่ร้านจนความยาวของปลายแถวหน้าร้านมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ประจำทางเข้าใช้เครื่องตรวจโลหะ และตรวจบัตรสมาชิกของร้าน พร้อมกับอีกคนที่ทำหน้าที่นับจำนวนคนเพราะสถานที่แห่งนี้รับได้แค่ 200 คนเท่านั้น เมื่อครบจำนวนที่รองรับได้คนที่เหลือก็ต้องรอจนกว่าจะมีคนออกมาถึงจะได้เข้าไป
ชายหนุ่มในชุดเสื้อคอเต่าสีดำที่ปกปิดลำคอขาว เสื้อคุลมตัวยาวสีเทาเข้ม กับกางเกงหนังสีดำรัดรูปเดินมาพร้อมกับบัตรบางอย่างในมือแล้วยื่นมันให้เจ้าหน้าที่ ทันทีที่เจ้าหน้าที่เห็นก็เปิดทางให้เข้าไปอย่างง่ายดาย เขาเดินไปนั่งบนโซฟามุมหนึ่งของร้านที่ดูเหมือนว่าจะยังว่างอยู่ เขานั่งลงและเริ่มมองไปรอบๆ
"ขอโทษนะครับ" เสียงหนึ่งดังขึ้น
เขาหันไปตามเสียงนั้นแล้วพบกับชายร่างสูงคนหนึ่ง เพราะว่าไฟในร้านที่สลัวทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นหน้าของอีกคนได้ชัดเจนนัก แต่ก็พอจะมองออกว่ารูปร่างดีทีเดียว
“ถ้าไม่รังเกียจ...ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” เขาถาม
“เชิญครับ”
“มาคนเดียวหรอครับ” เขาถามหลังจากที่นั่งลงบนโซฟาข้างๆอีกคนแต่ก็ยังเว้นระยะห่างระหว่างทั้งคู่ไว้
“ผมว่าคุณคงจะลืมธีมของวันนี้ไปนะครับ”
“อ่า...ธีม..คน..โสด”
“ผมก็หวังว่าคุณจะตรงกับธีมเหมือนกันนะครับคุณ...”
“วอนอูครับ”
“ผมดงมินนะครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ดื่มอะไรไหมครับ”
“แนะนำหน่อยสิครับ ผมไม่ค่อยคุ้นกับที่นี่เท่าไร”
“งั้น เราก็ใหม่กับที่นี่ด้วยกันทั้งคู่สินะครับ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”
“งั้น เดี๋ยวผมมานะครับ” เขาพูดพลางลุกจากที่นั่งตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม
“พอได้เห็นหน้าใกล้ๆหมอนี่ก็หล่อดี” วอนอูนึกพลางมองไปรอบๆ ที่จริงก็มองหาคุณเพื่อนเจ้าของร้าน จะได้หลบถูก แต่ตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่เห็นเลยบางทีอาจจะมัวแต่ยุ่งอยู่หลังร้าน
ห้องเก็บสินค้าด้านในสุดของร้าน
เด็กหนุ่มกำลังสาละวนอยู่กับการนับจำนวนสินค้าคงเหลือและจัดสรรให้เพียงพอกับความต้องการสำหรับงานในคืนนี้
“อ้าว ชานทำไมยังไม่กลับอีก” ซึงซอลที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นอีกคนเข้า
“ผมว่าจะนับจำนวน...”
“เดี๋ยวพี่ทำต่อเอง สี่ทุ่มแล้วนายต้องกลับแล้วนะ” เขาพูดเสียงเข้ม
“แต่พี่ครับคืนนี้คนมาเยอะมากให้ผมอยู่ต่อเถอะนะครับ”
“ไม่ได้ เราตกลงกันไว้แล้วนะ”
“แค่คืนนี้นะครับ ...” พูดพลางทำเสียงอ้อนใส่อีกคน
“ไม่ได้นายต้องกลับเดี๋ยวนี้” พูดเสียงเข้มพลางกอดอกช้อนตามอง
“อีกแปปเดียวนะครับ ผมจะอยู่แต่ในห้องนี้ไม่ออกไปไหนให้ใครเห็นเลยครับ ผมสัญญา”
“ไม่ได้ ไปเก็บกระเป๋าเดี๋ยวนี้เลย” ทำเสียงเข้มพลางยื่นมือออกไปรอรับแฟ้มเอกสารในมืออีกคน
“ก็ได้ครับ” พูดเสียงอ่อยเดินคอตกไปหาแล้วยื่นเอกสารในมือให้
“เครื่องดื่มมาแล้วครับ หวังว่าคุณคงจะชอบ ผมเลือกคอสโมโพลิแทนตามคำแนะนำของพนักงานน่ะครับ” ชายหนุ่มเดินกลับมาพร้อมเครื่องดื่มในมือสองแก้ว
“ขอบคุณครับ” พูดพลางรับแก้วและสัมผัสมือของอีกคนอย่างจงใจ
บทสนทนาของทั้งสองเป็นไปอย่างลื่นไหลกับจำนวนแก้วเครื่องดื่มที่ถูกดื่มจนหมดค่อยๆกินพื้นที่บนโต๊ะไปทีละนิด
“ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ” วอนอูที่เริ่มเวียนหัวจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เซเล็กน้อยขณะยืนขึ้น
“ผมไปเป็นเพื่อนไหมครับ” อาสาเมื่อเห็นอาการของอีกคน
“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค” พูดพลางเดินออกไป
ระหว่างทางเดินแคบๆก่อนถึงห้องน้ำ เขาเดินชนเข้ากับใครสักคนหนึ่ง แม้ว่าจะกล่าวคำขอโทษแล้วแต่ชายคนนั้นก็คว้าต้นแขนของเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินไป
“วอนอู!!”
“หืมม” วอนอูหันไปตามเสียงเรียก
“มาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ทำไมดื่มขนาดนี้” เขาไม่รอคำตอบแต่ลากอีกคนไปยังด้านในสุดของร้านแทบจะทันทีที่พูดจบ
พอรู้สึกว่าโดนจับได้ก็ยอมตามไปแต่โดยดี
“นั่งรอที่นี่นะ อย่าออกไปไหน” ซึงซอลพูดหลังจากที่พาวอนอูเข้ามาในห้องวีไอพีที่เขาทำไว้สำหรับการพบปะเพื่อนสนิท
เขาหายไปสักพักก่อนกลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มแก้แฮงค์ที่ยื่นให้อีกคนก่อนกำชับว่าดื่มให้หมด
“นั่งอยู่นี่นะ เดี๋ยวมา” ซึงซอลรีบร้อนออกไป เพราะงานในร้านที่ยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาให้หยุดพัก
พอดื่มเครื่องดื่มหมดขวดก็ลุกขึ้นทำท่าจะเปิดประตูออกไปแต่ก็ต้องเจอกับการ์ดที่ซึงซอลสั่งให้มาเฝ้าเขาเอาไว้ไม่ให้ออกไปจากห้องนี้ เมื่อรู้ว่าออกไปไหนไม่ได้แล้วก็เดินกลับไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วรอยยิ้มมุมปากก็ผุดขึ้น
“ป่ะ” ซึงซอลที่เปิดประตูเข้ามาพูดพลางขยับศรีษะเป็นเชิงบอกว่าไปกันได้แล้ว
“แต่ว่า...” วอนอูพูดเสียงค่อย
“ไม่มีแต่ ถ้าไม่กลับเดี๋ยวนี้จะโทรเรียกให้มินกยูมารับ” ซึงซอลขู่ ทำเอาอีกคนปากยู่ แล้วเดินตามไปแต่โดยดี
ที่หอพัก SVT
ความกังวลทำให้มินกยูนอนไม่หลับ เขาถอนหายใจอย่างเป็นกังวลว่าพี่วอนอูจะหลับดีไหมหรือว่าไข้จะกลับมาอีกหรือเปล่า จะนอนห่มผ้าดีหรือยัง จึงตัดสินใจคว้าโทรศัพท์บนหัวเตียงตั้งใจว่าจะส่งข้อความหาอีกคน เป็นจังหวะเดียวกับที่มือไปสัมผัสเข้ากับแจ้งเตือนอินสตาแกรมที่ขึ้นมาบนหน้าจอพอดี สตอรี่อินสตาแกรมของเพื่อนในทีมบาสที่ดูเหมือนว่ากำลังมีปาร์ตี้อยู่ในผับ บาร์ที่ไหนสักที่ เขาดูไปเรื่อยๆจากสตอรี่แรกแก้วเครื่องดื่มในมือ กับผู้คนจำนวนมากเบียดเสียด ไฟที่ค่อนข้างมืดจนต้องอาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์ สตอรี่ถัดไปเป็นแท็กสถานที่คุปส์บาร์ และสุดท้ายเป็นแท็กปาร์ตี้คนโสด
และสตอรี่สุดท้ายนี่เองที่เขาสังเกตข้อมือของคนที่เดินสวนเข้ามาในเฟรม เพราะเห็ยแค่ส่วนแขนเพียงหนึ่งข้างเท่านั้นจึงไม่สามารถบอกได้ว่าคนๆนี้เป็นใคร แต่เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเขารู้สึกคุ้นกับนาฬิกาข้อมือนี้เหลือเกิน
To Be Continued…
minwon fiction by @Serenity1707
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น