Resist Chapter 12 [Minwon Fiction]

Resist Chapter 12

“ภาพของชายในชุดนักศึกษาสองคนในร้านกาแฟที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนม แม้จะเป็นภาพที่ถูก
ถ่ายจากที่ไกลออกไป และหนึ่งในนั้นเห็นแค่เพียงด้านหลังเท่านั้น แต่เขาก็จำได้ดีว่านี่คือเพื่อนสนิท
ของเขา ส่วนชายอีกคนที่เห็นด้านหน้านั้นเขารู้สึกคุ้นตาเหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”



“พี่วอนอู..พี่วอนอู” เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นที่ข้างหู
เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนพลิกตัวไปหาต้นเสียง
“งื้อออ~” เสียงที่ถูกส่งออกมาจากลำคอเพราะความตกใจที่จู่ๆอีกฝ่ายก็ประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปาก
ของเขา
“คนขี้เซา~~วันนี้ผมต้องไปรีบแต่เช้าเพราะมีประชุมกับผอ.ฝ่ายกิจกรรมนะครับ”
หลับตาลงแต่พยักหน้ารับรู้
“วันนี้พี่มีเรียนหรือเปล่า”
“งือ~~” ส่งเสียงงัวเงียเป็นคำตอบ
“หมายถึงมีใช่ไหมครับ หืมมม” พูดพลางลูบแก้มของอีกคนอย่างแผ่วเบา
“ผมต้องไปแล้วพี่นอนต่ออีกหน่อยเถอะครับ” พูดหลังจากที่เหลือบมองนาฬิกาก่อนวางบางอย่างลง
บนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วออกจากห้องไป


“นายดูโทรมๆนะ...อดหลับ~อดนอน~” ซึงซอลพูดขึ้นทันทีที่เจอหน้าเพื่อนสนิทก่อนหัวเราะคิกคัก
คนถูกถามไม่ตอบอะไรเพียงแค่เบ้ปากแล้วเดินผ่านไปนั่งเก้าอี้ประจำของตัวเอง
“แหมมม อยู่หมัดแล้วสิ”
“ก็ช่วยไม่ได้” พูดพลางยักคิ้ว
“เป็นจอน วอนอูนี่มันดีจริงๆเล้ยยย”
“อะไรๆ” มองด้วยหางตาใส่อีกคน
“เปล่าสักหน่อย” ว่าพลางบีบเข้าที่ต้นแขนของอีกคนอย่างนึกหมั่นเขี้ยว


“วันนี้แวะไปที่ร้านได้ป่ะ” ซึงซอลพูดทันทีที่คลาสเรียนของวันนี้จบลง
“หืมมม” วอนอูหันไปทำหน้าแปลกใจใส่อีกคน
“แค่ชวนไปร้านทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น”
“ก็เปล่า...จะให้ไปที่ร้านทำไม”
“ไปเลี้ยงส่งหน่อยสิ”
“ใครจะไปไหน”
“จะไปญี่ปุ่นสามวันอ่ะ”
“นายอ่ะหรอ”
“ใช่ เด็กนายก็ด้วย มีแข่งที่นั่นน่ะ”
“แล้ววันนี้ไม่ต้องไปซ้อมหรอไง”
“หลังซ้อมงัย”
“ไว้แข่งชนะค่อยกลับมาฉลองมะ”
“หูยยยยย...ร้าย”
“มีแฟนแล้วร้ายกับเพื่อนเลยนะ”
“ก็บอกแล้วงัยว่าไม่ใช่”
“อ้าว ยังไม่เป็นแฟนกันอีกหรอ”
“อือ” ตอบสั้นๆ
“เป็นไปได้ไงเนี่ยยย” ซึงซอลทำตาโต
“จะไปรู้หรอ...ถามเด็กนั่นดูสิ”
“โอเค จะถามเดี๋ยวนี้แหละ” ซึงซอลพูดพลางหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง
“เดี๋ยวๆ” ยื่นมือห้าม
“ล้อเล่นน่ะ” ว่าพลางเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
“นิสัย!!”
“ใจเย็นๆนะ ก็ต้องให้เวลากันหน่อย แต่ถ้าขี้เกียจรอก็ขอเองเลยดิ” ซึงซอลแซวก่อนขอตัวไปซ้อม


คลาสเรียนบ่ายซึ่งเป็นคลาสเรียนเดียวของวันนี้จบลง วอนอูมุ่งหน้าไปหอสมุดกลางเพื่อยืมหนังสือ เขา
เดินไปตามชั้นวางหนังสือเพื่อหาหนังสือที่ตัวเองต้องการเช่นทุกครั้ง แต่คราวนี้ต่างออกไป เขาไม่ได้
เดินอยู่คนเดียว


ใครบางคนจากชั้นสองของหอสมุดมองลงมายังบานประตูอัตโนมัติที่ถูกเปิดออก ชายร่างบางในชุด
นักศึกษากับแว่นสายตากรอบใหญ่ เดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือหลายเล่มในมือ เขาหยุดที่โต๊ะของเจ้า
หน้าที่บรรณารักษ์ก่อนวางหนังสือทั้งหมดลงบนโต๊ะ เกิดบทสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์กับ
นักศึกษาหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะโค้งขอบคุณและเดินออกมาตรงไปมุมหนังสือนิยายที่อยู่ด้านใน
สุดของชั้นหนึ่ง เมื่อได้หนังสือที่ต้องการแล้วก็เดินมายังบันไดเพื่อขึ้นมายังชั้นสองของหอสมุด เดินไป
ที่หมวดหมู่หนังสือเรียนของคณะที่ตัวเองเรียนอยู่ ก่อนหยุดตรงชั้นวางหนังสือแถวหนึ่งแล้วค่อยๆไล่
สายตาไปยังสันหนังสือทีละเล่มเพื่อหาหนังสือที่ตัวเองต้องการ เขาก็แค่ทำเหมือนทำทุกๆครั้งจนเกือบ
จะเป็นกิจวัตรไปแล้ว แต่วันนี้แตกต่างออกไปเขาไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่คอยมองเขาในทุกๆอริยาบ
ถ ไม่เพียงแค่มองแต่ยังคงติดตามเขาทุกๆฝีก้าวและตอนนี้ก็อยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ชั้นหนังสือกั้น
สายตาคู่นั้นยังคงจับจ้องเขาผ่านช่องว่างเล็กๆระหว่างชั้นหนังสือมองใบหน้าที่กำลังเลือกหนังสืออย่าง
ตั้งใจ มองไล่มาตั้งแต่ไรผม คิ้วดกดำ ดวงตาคู่เรียว สันจมูกโด่ง ริมฝีปากอมชมพู


“อ้าว พี่วอนอูสวัสดีครับ” รุ่นน้องคนหนึ่งในคณะที่เดินผ่านมาเจอเอ่ยทักขึ้น
“สวัสดีครับ” เขากล่าวตอบพลางส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนที่รุ่นน้องจะเดินเข้ามาหาแล้วพูดคุยกันครู่หนึ่ง
ก่อนที่จะขอตัว


เขาตัดสินใจเลือกหนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นวางแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์อีกครั้งก่อนเดินออกจากหอสมุดไป


เขามุ่งหน้าตรงกลับหอพักแต่ระหว่างทางก็ไม่ลืมแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อไอศครีม ขนมและน้ำดื่มไป
ด้วย


เมื่อมาถึงหน้าห้องพัก เขาหยิบกระดาษโน๊ตออกจากกระเป๋าเสื้อมาเปิดดูข้อความข้างในก่อนกดรหัสเข้า
ห้อง กระดาษโน๊ตที่อีกคนเขียนไว้ให้เขาเมื่อเช้านี้


“พี่มาใช้ห้องของผม จนกว่าแอร์ห้องพี่จะใช้ได้ก็ได้นะครับ (0406) รหัสเข้าห้องครับ
ปล.ก่อนจะออกจากห้องช่วยแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยนะครับ”


มินกยูที่เพิ่งกลับมาจากการซ้อม เปิดประตูมาเจอกับร่างบางที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงของตัวเองในชุดกาง
เกงบ๊อกเซอร์ตัวสั้น เสื้อเชิ้ตสีขาวความยาวแค่คลุมสะโพก กับแอร์ 20 องศาเซลเซียส จึงไปหยิบ
ผ้าห่มมาห่มให้อีกคน “เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” พูดเบาๆพลางกดปรับอุณหภูมิแอร์มาอยู่ที่ 25 องศา
เซลเซียส
“งื้อ~~” ส่งเสียงงุ้งงิ้งพลางบิดขี้เกียจยืดลำตัวเพราะสัมผัสได้ถึงความอุ่นภายใต้ผ้าห่มผืนหนา


มินกยูไม่ได้ปลุกแต่ปล่อยให้อีกคนหลับอยู่อย่างนั้น เขาจัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พอออกมาจาก
ห้องน้ำก็เห็นอีกคนนั่งหาววอดใหญ่
“ทำไมไม่ปลุกอ่ะ”
“เวลามองพี่หลับน่ารักดีออกครับ”
“แล้วเวลาตื่น?”
“ก็น่ารักเหมือนกันครับ”
“ชิ”
“มา..ขอกอดหน่อย”
“หืมมม”
“ลุกขึ้นหน่อยสิครับ” มินกยูพูดพลางยื่นมือทั้งสองข้างออกมาข้างหน้า
“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจ” ว่าพลางซุกตัวลงใต้ผ้าห่ม
“จะไม่ลุกจริงๆหรอครับ” พูดพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่อีกคน
“อืม” ตอบสั้นๆพลางพลิกตัวนอนหันหลังให้
อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรแต่คลานขึ้นไปบนเตียงแล้วคร่อมร่างของคนขี้เกียจไว้ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งสอด
เข้าไปใต้ผ้าห่มผืนหนา ลูบไล้ไปยังต้นขา คว้าชายกางเกงบ็อกเซอร์เอาไว้ก่อนถามซ้ำ
“จะลุกไหมครับ” ถามพลางออกแรงดึงชายกางเกงเบาๆ
“หึ” ส่งเสียงปฏิเสธ พลางหันหน้าหนี
“ไม่ลุกใช่ไหมครับ” พูดพลางเพิ่มแรงดึงกางเกงให้มากขึ้น จนกางเกงค่อยๆเลื่อนต่ำลงมา
“ลุกแล้วๆ” พูดพลางคว้าเอวกางเกงของตัวเองไว้ไม่ให้เลื่อนลงไปต่ำมากกว่านี้ แล้วค่อยๆยันตัวลุก
ขึ้นนั่ง
“มาครับ” มินกยูที่ลุกขึ้นไปยืนรอที่ข้างเตียงพูดพลางยืนอ้าแขนรอ
วอนอูเปิดผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ออกก่อนค่อยๆลุกออกจากเตียงไปหาอีกคน ช่วงขณะที่กำลังจะลุกนั้นก็ไม่
วายมีเรื่องให้อีกคนตาโต ช่องว่างระหว่างกางเกงกับขาของเจ้าของทำให้มองเห็นไปถึงไหนต่อไหน
มินกยูกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนสะบัดหัวไล่ความคิด


“ตัวพี่อุ่นจัง” เขาสวมกอดอีกคนทันทีที่ลุกออกจากเตียงและพูดพลางกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
“หายใจไม่ออกแล้ว” แม้จะโวยวายแต่ก็ยืนนิ่งๆให้อีกคนกอดจนพอใจ
“พี่วอนอู” เรียกชื่ออีกคนแต่ยังไม่คลายอ้อมกอด
“หืมม”
“เป็นแฟนกันนะ” กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของอีกคน
คนที่อยู่ในอ้อมแขนไม่พูดอะไรแต่พยักหน้าแทนคำตอบ ส่วนคนตัวโตพอได้คำตอบก็หอมฟอดใหญ่เข้า
ที่แก้มนุ่ม
“หิวแล้วอ่ะ”
“หืมมม หิวหรอครับ เดี๋ยวโทรสั่งอาหารให้นะครับ”


อาหารมื้อเย็นของวันนี้คนเป็นพี่อาสาเลี้ยงเหตุผลเพราะคนน้องเลี้ยงอยู่บ่อยครั้งแล้วก็ยังใจดีให้มาอยู่ที่
ห้องอีกด้วย


“พี่วอนอู...ผมมีอะไรจะบอกอ่ะ”
“หืมม”
“ผมต้องไปญี่ปุ่นสามวันอ่า”
“อื้มม” วอนอูตอบรับสั้นๆแต่ยังไม่ละสายตาไปจากหนังสือที่เพิ่งยืมมา
“พี่~~ผมต้องไปจริงๆนะ ไม่เจอกันตั้งสามวัน พี่จะตอบแค่นี้จริงๆอ่ะ”
“อื้มมม”
“พี่อ่า~~”ทำเสียงงอแงใส่อีกคน
“แล้วจะให้ตอบว่างัยอ่า”
“ก็แบบ...” พูดได้เพียงเท่านี้ก็ถอนหายใจออกมา “เฮ้อ...ช่างเถอะ”
“จะไปวันไหนล่ะ”
“อาทิตย์หน้าครับ” เขารู้สึกดีใจขึ้นมาบ้างเพราะอีกคนดูให้ความสนใจ แต่ก็ดีใจได้ไม่นานเพราะสิ่งที่
อีกคนตอบกลับในเวลาต่อมา “อื้มมม”
“ใจร้าย” เขาพึมพำ
“ตั้งอาทิตย์หน้า...เดี๋ยวพาไปเลี้ยงของอร่อย”
“เย่~” กระโดดโลดเต้นพลางฉีกยิ้มกว้างดีใจที่ได้ยินอีกคนพูดแบบนั้น
“พี่วอนอู ขอมือหน่อย”
“หืมมม ไม่ใช่หมานะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ยื่นมือมาหน่อยสิครับ”
วอนอูทำตามที่อีกคนบอกก่อนที่จะละสายตาจากหนังสือเห็นอีกคนหยิบบางอย่างขึ้นมาใกล้กับนิ้วของ
ตัวเองก็รีบดึงมือกลับ
“จะทำอะไรอ่ะ”
“ตัดเล็บไงครับ”
“ไม่เอาอ่ะ ตัดทำไม”
“ตัดทำไมอ่ะหรอ ดูนี่สิครับ” พูดพลางยื่นต้นแขนเข้าไปใกล้ๆอีกคนให้เห็นรอยแผลทั้งรอยข่วนและ
รอยจิก
“ไปทำอะไรมาหรอ”
“ต้องให้เท้าความเรื่องเมื่อคืนไหมครับ”
“หึ” ส่ายหน้าปฏิเสธพลางยื่นมือให้อีกคน

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...

“เดินทางปลอดภัยนะ” วอนอูพิมพ์ข้อความส่งให้ซึงซอลที่กำลังจะขึ้นเครื่องในเช้านี้ ส่วนตัวเองก็
กำลังอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน

“พี่วอนอูผมต้องขึ้นเครื่องแล้ว พี่อยู่ที่นี่ห้ามแต่งตัวโป๊ออกไปข้างนอกห้องนะ แล้วก็ห้ามไปกับคนที่
ไม่รู้จักด้วย เลิกเรียนแล้วรีบกลับห้องนะ ห้ามไปเถลไถลที่ไหน เข้าห้องแล้วก็ล็อกห้องให้เรียบร้อย
ด้วย” มินกยูที่ทำท่าจะเปิดประตูห้องออกไปหันกลับมาพูดกับอีกคน

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ไปได้แล้วเดี๋ยวก็ตกเครื่องกันพอดี” วอนอูที่ทำมือให้อีกคนรีบออกไป

“คร้าบบบ” มินกยูตอบรับ พลางเปิดประตูห้องออกไป แต่จู่ๆก็ก้าวเท้ายาวๆกลับเข้ามาแล้วสวมกอด
อีกคนไว้แน่น

“หายใจไม่ออก~~ ไปได้แล้ว”

“ไม่ไปแล้วได้ไหม” มินกยูพูดทั้งๆที่ยังมีอีกคนอยู่ในอ้อมแขน

“ไปได้แล้ว” วอนอูพูดย้ำ

“ไม่ไปแล้ว ที่โน่นไม่มีพี่ให้กอด” มินกยูงอแง

“ไว้กลับมาค่อยกอด”

“ไม่เอาอ่ะ”

“ไปได้แล้ว~~ถ้ากลับมาเดี๋ยวให้มากกว่ากอดเลย”

“จริงนะ!! สัญญานะ!! ” ทำตาโต ยิ้มแก้มปริ ก่อนหอมแก้มอีกคนฟอดใหญ่

วอนอูถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง กว่าจะส่งเจ้าคนตัวโตเสร็จก็เล่นเอา
เหนื่อยเลย จริงๆก็อยากจะลงไปส่งถึงหน้าหอพัก แต่อีกคนห้ามไว้บอกว่าให้ส่งแค่นี้พอ เขาเดินกลับ
มาที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาตื่นไปเรียน มินกยูยกห้องของตัวเองให้กับเขา
ในช่วงที่ไม่อยู่

ในขณะที่คนหนึ่งกำลังกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง อีกคนที่กำลังเดินทางก็อดคิดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่ใช่
ไม่ไว้ใจแต่เพราะเพิ่งจะเป็นแฟนกันได้ไม่เท่าไรก็ต้องห่างกันไกลซะแล้ว

ณ ประเทศญี่ปุ่น

“เอาละ วันนี้คงจะเหนื่อยกับการเดินทางกันแล้ว ก็ให้แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัยนะ แล้วพรุ่ง
นี้เช้ามาเจอกันที่ล๊อบบี้ตอน 7 โมงโดยพร้อมเพรียงนะ” อาจารย์ผู้คุมทีมกล่าว ก่อนที่จะส่งกุญแจ
ห้องพักให้แต่ละคน

“ฟรีไทม์!!ออกไปข้างนอกกัน” คนหนึ่งในทีมพูดขึ้นทันทีที่มาถึงชั้นที่พัก
“ก็ดีเหมือนกันนะ ไปเดินเที่ยวกัน” อีกคนสมทบ
“มีใครไปบ้าง” คนชวนคนแรกถามความสมัครใจแล้วเริ่มนับจำนวน
“อ้าว!พี่ซึงซอลไม่ไปด้วยกันหรอครับ มาถึงที่นี่ทั้งที”
“อืมมม ไม่ล่ะ พวกนายไปกันเถอะ พอดีได้วิดีโอการแข่งขันของทีมคู่แข่งมา ว่าจะดูสักหน่อย”
“โหหห สมกับเป็นหัวหน้าทีมจริงๆเลยนะครับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า...เที่ยวให้สนุกล่ะ”
“ไว้พวกผมจะซื้อขนมมาฝากนะครับ”
“อื้อ..อย่ากลับดึกมากแล้วกัน”
“คร้าบบบ”

ดูเหมือนว่าจะมีแค่เขาที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเหมือนคนอื่นๆ แต่เขาก็พอใจแบบนี้เขาล้มตัว
นอนลงบนเตียงทันทีที่เข้ามาในห้องพักของตัวเอง ส่วนรูมเมทก็แค่ลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาเก็บแล้วก็
รีบออกไปสมทบกับคนอื่นๆ

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากดเปิดเครื่องแล้วเชื่อมต่อไวไฟ หวังจะวิดีโอคอลใครบาง
คนเพื่อส่งข่าวว่าเขามาถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ แต่เสียงเตือนของแชทก็ดังขึ้นเสียก่อน
เขากดเปิดอ่านข้อความ แต่สิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่ข้อความแต่เป็นภาพถ่าย


ภาพของชายในชุดนักศึกษาสองคนในร้านกาแฟที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนม แม้จะเป็นภาพที่ถูก
ถ่ายจากที่ไกลออกไป และเห็นแค่เพียงด้านหลังเท่านั้น แต่เขาก็จำได้ดีว่านี่คือเพื่อนสนิทของเขา
ส่วนชายอีกคนที่เห็นด้านหน้านั้นเขารู้สึกคุ้นตาเหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

“อะไร?ยังไง?” ซึงซอลกดพิมพ์ข้อความหลังจากที่กดส่งภาพถ่ายที่ได้รับมาเมื่อครู่ไปให้กับเพื่อน
สนิท เขาถือโทรศัพท์ไว้ในมือรอคำตอบด้วยใจจดจ่อ แต่เป็นเวลาหลายนาทีแล้วที่เขาไม่ได้รับ
ข้อความตอบกลับ
“แปลกจัง ปกตินายออกจะตอบข้อความไวนี่” เขานึกพลางกดดูแชทล่าสุดของเขากับวอนอูอีกครั้ง
แต่ดูแล้วดูอีกแชทล่าสุดของเขากับเพื่อนสนิทก็เกิดขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแทนที่จะเป็นไม่กี่นาทีที่
ผ่านมา
“เดี๋ยวนะ...ถ้าอย่างนั้นภาพ...ส่งไปให้ใครล่ะ” พอความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวเจ้าตัวก็ลนลานทำตัวไม่
ถูก แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นก็เรียกสติของเขาให้กลับมา
ซึงซอลยังคงกำโทรศัพท์ไว้ในมือแน่นขณะที่กำลังเดินไปที่ประตู เขาพยายามควบคุมสติและพยายาม
ทำตัวให้เป็นปกติที่สุด สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนเปิดประตูออกไป
“อ้าว มินกยู นายมีอะไรหรอ” เอ่ยทักพลางฉีกยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ดูยังงัยก็รู้สึกได้ถึงความไม่เป็น
ธรรมชาติ
“พี่ซึงซอล...ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน” มินกยูพ่นลมหายใจออกมาก่อนพูดขึ้น

To Be Continued …

minwon fiction by @Serenity1707



ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม