Resist Chapter 14 [Minwon Fiction]
Resist Chapter 14
วอนอูที่แม้จะรู้สึกแปลกๆกับน้ำเสียงของอีกคนแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะพูดหรือถามอะไรออกไป เขาเพียงแค่
มองอีกคนด้วยความสงสัย ขาที่อ่อนแรงของเขาทำให้รู้สึกอยากจะทรุดตัวลงนั่งลงบนเตียง แต่ยัง
ไม่ทันที่จะได้นั่ง อีกคนก็จับตัวเขาพลิกกลับหลังหัน
“อ๊ะ” ร้องออกมาเมื่อช่องทางถูกรุกล้ำอย่างไม่ทันตั้งตัวด้วยนิ้วมือของอีกคน
มือข้างขวาโอบรัดรอบเอวบาง ส่วนมือข้างที่ถนัดหลังจากที่แทรกขาของตัวเองเข้าไปที่หว่างขาของอีก
คนให้เกิดช่องว่างระหว่างขาทั้งสองแล้วนั้น ก็ใช้นิ้วผ่านเข้าไปในช่องทางอย่างรวดเร็วจนอีกคนร้อง
ออกมา
“อะ...อื้อ” แม้ว่าจะกัดริมฝีปากเอาไว้แต่ก็ยังมีเสียงเล็ดลอดออกมา
การเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวและการเคลื่อนไหวเข้าออกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้ขาที่คอยพยุงตัว
อยู่เกือบจะทรุดลงไป แขนแกร่งของอีกคนจึงต้องรับน้ำหนักของร่างบางไว้แทน
“มิน...อ๊ะ....ก...~~” เสียงที่เปล่งออกมาขาดหายไปเป็นช่วงๆ
ความรู้สึกที่แทบจะทนไม่ไหวเขาใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่แขนของอีกคน ก่อนกดน้ำหนักที่ปลายนิ้วลง
ไปราวกับเป็นการอดกลั้น มินกยูหยุดการกระทำก่อนปล่อยอีกคนให้ทรุดลงไปนั่งหอบหายใจอยู่บนพื้น
ห้อง
เมื่อจัดการเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองออกจนหมดก็หันกลับมาสนใจอีกคนที่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เขานั่งลง
ไปกระซิบที่ข้างหูของอีกคน “เรียกชื่อผมทำไมครับ” ไหล่ที่ลู่หลบเพราะลมหายใจร้อนผ่าวที่ปะทะกับ
ใบหูของเขา กับน้ำเสียงที่แหบพร่าของอีกคน ทำเอาเขาขนลุกไปทั้งตัว ใบหน้าร้อนผ่าว เขานิ่งไป
สักพักก่อนจะค่อยๆหันกลับไปยังเจ้าของเสียง แต่กว่าจะหันไปแขนของตัวเองก็ถูกแขนแกร่งคว้าไว้
แล้วลากตัวขึ้นมาบนเตียงนอนเสียแล้ว
พอตั้งสติได้ก็ค่อยๆขยับตัวถอยหนีในขณะที่อีกคนค่อยๆคลานเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“ว่าไงครับ...เรียกทำไมครับ” ไม่ถามเปล่าแต่ยื่นมือมาคว้าส่วนอ่อนไหวของอีกคนมากอบกุมไว้ พอ
คนถูกกระทำ ทำท่าจะขยับถอยหนีก็ออกแรงดึงเบาๆ
“อ๊ะ..มินกยู”
“เรียกทำไมละครับ หืมมม” พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ก้มหน้าลงไปที่หว่างขาที่เปิดกว้างเพราะใช้ขยับ
ตัวหนี แต่สำหรับอีกคนกลับดูเหมือนเป็นการเชื้อเชิญเสียมากกว่า
ข้อเท้าถูกมือหนาคว้าไว้เพื่อดึงตัวให้เข้ามาใกล้ ทำให้เสียหลักจนล้มตัวนอนลงไป มือหนายังคงเกาะ
กุมส่วนอ่อนไหวไว้ นิ้วหัวแม่มือสัมผัสไปที่ส่วนปลาย ถูวนไปมาช้าๆ ไม่นานนักมือทั้งมือก็เปียกชุ่มไป
ด้วยของเหลวที่ไหลออกมา ก่อนจะใช้ปลายลิ้นละเลียจากส่วนโคนสู่ส่วนปลาย
ปลายลิ้นอุ่นสัมผัสไปที่ส่วนปลายอย่างแผ่วเบา ก่อนค่อยๆกดน้ำหนักลงไปและตวัดลิ้นอย่างรวดเร็ว จน
คนที่ถูกกระทำส่งเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ออกมา พร้อมกับลำตัวที่บิดเกร็ง คนกระทำยิ่งได้ใจ ใช้ริม
ฝีปากเข้าครอบครองส่วนอ่อนไหวอย่างช้าๆ ดูดดุนราวกับเป็นอาหารว่างแสนหวาน นิ้วชี้และนิ้วกลาง
ของมือข้างที่ถนัดค่อยๆเคลื่อนผ่านช่องทางเข้าไปจนสุด ก่อนขยับถี่ๆไปมาภายในช่องทาง คนถูก
กระทำส่งเสียงออกมาอย่างต่อเนื่อง ลำตัวบิดเกร็งมากขึ้น มือเอื้อมคว้าปูที่นอนมากำไว้แน่น คน
กระทำรู้สึกถึงแรงตอดรัดภายในที่มากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเขาเองก็เริ่มจะอดกลั้นไม่ไหวแต่ความอยากแกล้ง
อีกคนนั้นมีมากกว่า เขาถอนนิ้วออกมาอย่างรวดเร็ว แล้ว นั่งมองอีกคนที่ยังคงหอบหายใจถี่ มือเรียว
ยังคงกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น
เขาแกะมือเรียวนั้นออกจากผ้าปูที่นอน สอดแขนแกร่งเข้าใต้ร่างบางก่อนยกร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
แล้วพาเดินไปยังห้องน้ำ เขาปล่อยร่างบางลงยืน ก่อนเปิดฝักบัวแล้วชโลมของเหลวกลิ่นหอมอ่อนทั่ว
ผิวกายของอีกคน
กลิ่นวานิลลาหอมหวาน ยิ่งหอมเย้ายวนเมื่อมาอยู่บนผิวกายของอีกคน หอมจนอยากจะกลืนกินคนตรง
หน้าเสียให้ได้ ผ่ามือหนาลูบไล้ไปบนผิวกายอุ่นของอีกคน ทุกที่ที่มือหนาเลื่อนผ่านทำเอาคนถูกกระทำ
ขนลุกไปทั่วร่าง ไม่เพียงแค่ฝ่ามือหนาที่สัมผัสเรือนร่างของเขาอยู่ในตอนนี้หากแต่อวัยวะที่กำลังพองโต
ของอีกคน ก็กำลังสัมผัสอยู่บนสะโพกมนของเขาอย่างหยอกล้อแขนขาอ่อนแรงอย่างไม่อาจต้านทาน
เขาใช้แขนสองข้างยันตัวไว้กับผนัง
น้ำจากฝักบัวอาบน้ำถูกปิดลงเมื่อเขาแน่ใจว่าร่างกายของอีกคนสะอาดดีแล้ว แต่มือหนายังคงลูบไล้ไป
ตามเรือนร่างของคนตรงหน้าอย่างไม่หยุด กดน้ำหนักฝ่ามือลงบนผิวอุ่นมากขึ้นและมากขึ้น “อ๊ะ” คนถูก
กระทำสะดุ้ง เมื่ออวัยวะสองลูกใกล้ส่วนอ่อนไหวถูกบีบคลึงด้วยฝ่ามือหนาที่ลอดมือผ่านช่องว่างระหว่าง
ขามาจากจากด้านหลัง
เคล้นคลึงไปพลางฟังเสียงครางในลำคอของอีกคนไปพลาง ทำอยู่อย่างนั้นจนพอใจจึงเลื่อนมือไปคว้า
ส่วนอ่อนไหวกอบกุมแล้วออกแรงดึงเบาๆมาทางด้านหลัง ฝ่ามือหนาสัมผัสอย่างแผ่วเบาลงบนส่วน
ปลายก่อนขยับวนบนส่วนปลาย “อือ อื้อ” คนถูกกระทำส่งเสียงในลำคอออกมาพลางยืดลำตัวขึ้นเพราะ
ความเสียวซ่านที่อีกคนมอบให้ ปลายนิ้วที่อยากจะจิกลงบนผนังแต่ก็ทำไม่ได้ เสียงของลมหายใจที่เริ่ม
ดังขึ้น ใบหน้าที่เชิดขึ้นเล็กน้อย “อ๊ะ...อื้อ..มิน...กยู” เรียกชื่อของอีกคนออกมาอย่างกับจะขอความ
เห็นใจ
นอกจากจะไม่รู้สึกเห็นใจแล้วยังรู้สึกพึงใจที่ได้เห็นผลจากการกระทำของตัวเอง จนถึงกับยกยิ้มมุมปาก
ออกมา ก่อนปล่อยมือที่กอบกุมให้ส่วนอ่อนไหวกลับไปอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะอยู่ แต่การที่ถูกรั้งมาด้าน
หลังแล้วถูกปล่อยกลับไปนั้น ทำให้เกิดแรงสั่นที่สร้างความเสียวซ่านให้กับอีกคนจนเผลอส่งเสียงออก
มา “อ๊าาา” ใบหน้าที่เชิดขึ้น ปลายเท้าที่เขย่งขึ้น และหน้าท้องที่แข็งเกร็งด้วยแรงแห่งอารมณ์ ก่อนจะ
ค่อยๆทรุดตัวลงนั่ง แขนเรียวยังคงยันตัวไว้กับผนังห้อง ราวกับว่าเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยค้ำให้พยุงตัวอยู่ได้
ในตอนนี้
หอบหายใจแล้วก้มหน้าลงบนซบกับแขนเรียวของตัวเอง ก่อนหลับตาลงด้วยความล้าจากร่างกายที่ถูก
กระตุ้นจนเกือบจะถึงจุดสูงสุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความรู้สึกปวดหนึบของอวัยวะที่อ่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับว่าต้องการที่จะถูกปลดปล่อย
เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะทรุดตัวลง จึงค่อยๆเดินเข้าไปประชิดจนร่างบางชิดกับผนัง ก่อนหายใจรดต้นคอ ลำตัวที่แนบชิดก่อให้เกิดการบดเบียดของอวัยวะอ่อนไหวบนสะโพกมนอย่างจงใจ เขากระซิบ “ถ้าพี่อยากให้ผมหยุดผมก็จะหยุด แต่ถ้าไม่...ผมก็จะ...”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกมา ช่องทางก็ถูกรุกล้ำ พรวดเข้ามาทีเดียวจนรู้สึกจุก ก่อนที่คนกระทำจะสูดความหอมที่ซอกคอ มือทั้งสองข้างวางบนสะโพกมนแล้วออกแรงบีบเบาๆก่อนค่อยๆขยับส่วนล่างออกห่าง ขยับออกจนส่วนอ่อนไหวจะพ้นออกจากช่องทางก็ดึงสะโพกมนที่เกาะกุมอยู่นั้นให้เข้าหาตัวอย่างเร็วและแรงจนสุด กระทำซ้ำๆอยู่อย่างนั้น จนคนถูกกระทำส่งเสียงออกมาอย่างไม่ได้ศัพท์ คว้ามือสะเปะสะปะจนมือหนาต้องยื่นมือมากุมไว้แน่น เสียงผิวกายกระทบกันดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ตามมาด้วยเสียงหอบหายใจและเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ “อ๊ะ... อื้อ...มิน...อื้อ..มินกยู” ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลงเหลือไว้เพียงแต่เสียงหัวใจที่เต้นรัว
มินกยูช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนก่อนพาออกไปจากห้องน้ำแล้วค่อยๆวางลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนล้มตัวลงนอนข้างๆ เขาหันไปจุมพิตที่หน้าผากอีกคนเบาๆ ก่อนกระซิบ “ฝันดีครับ”
เช้าวันต่อมา
“พี่วอนอู ตื่นเร็วเดี๋ยวไปเรียนสายนะ” มินกยูที่กำลังแต่งตัวปลุกอีกคนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น จนต้องเดินไปช้อนตัวขึ้นจากที่นอนแล้วพาไปที่ห้องน้ำ แต่พอวางตัวอีกคนก็ทรุดลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น
“พี่วอนอู!!” ร้องเรียกชื่อเสียงดังพลางนั่งลงข้างๆอีกคน ก่อนรัวคำถามด้วยความกังวลใจ “พี่วอนอูเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหนไหมครับ”
“ยังจะมาถามอีก” พูดพลางค่อยๆพยุงตัวเดินเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตู
“พี่...พี่โอเคหรือเปล่า...อาบเองได้ไหม...ให้อาบให้ไหม...พี่่” ตะโกนถามพลางทุบประตู
พอสิ้นเสียงประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกมา “หยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อยสิ”
มินกยูพยักหน้ารับก่อนเดินไปหยิบมาให้ตามที่อีกคนขอ ก่อนยื่นผ้าเช็ดตัวให้ก็ไม่วายถามซ้ำ
“พี่โอเคแน่นะ” ไม่พูดเปล่าแต่เอาหลังมือแตะหน้าผากของอีกคน
“อื้อ” ส่งเสียงออกมาแทนคำตอบ ก่อนกลับเข้าห้องน้ำไป
“วันนี้ขอเดินไปพร้อมกันไม่ได้หรอ” มินกยูที่นั่งมองอีกคนอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
“ไม่อ่ะ”
“วันเดียวเองนะๆ”
“ก็บอกแล้วไง”
“แต่เราเป็น…”
“มีเรียนกี่โมง” วอนอูรีบถามเพื่อตัดบท
“แปดโมงครับ”
“พี่มีเรียนเก้าโมงครึ่ง จะไปพร้อมกันได้ยังไง”
“ก็...อ่าก็ได้ครับ” พอเห็นหางตาที่มองมาก็เปลี่ยนเป็นเข้าใจได้ในทันที
“ช่วยหยิบซีเรียลในตู้ให้หน่อยสิ” วอนอูพูดพลางหยิบนมขวดใหญ่ออกจากตู้เย็น
“ถ้วยด้วยไหมครับ” มินกยูหันมาถามเมื่อคว้ากล่องซีเรียลมาวางบนโต๊ะ
“อื้อ” วอนอูตอบรับพลางนั่งลงที่โต๊ะ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหม” วอนอูพูดเมื่อมองไปเห็นอีกคนทำหน้างอ
“ก็อยากเดินไปเรียนพร้อมพี่บ้างอ่ะ”
“เทนมให้หน่อยสิ” วอนอูเลื่อนถ้วยของตัวองไปใกล้อีกคน
ซีเรียลมื้อเช้าดำเนินไปอย่างไร้บทสนทนา มินกยูน้อยใจที่อีกคนไม่ยอมให้เขาเดินข้างๆทั้งๆที่เป็นแฟนกัน
“ไปเรียนได้แล้ว วางไว้นี่แหละเดี๋ยวเก็บเอง” วอนอูพูดหลังจากที่ยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลา
“ครับ” มินกยูตอบรับสั้นๆ แล้วหันไปหยิบกระเป๋าก่อนเดินไปที่ประตูห้องโดยไม่หันมามองอีกคน
“มินกยู” เสียงเรียกดังขึ้นก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไป เขายืนนิ่งเพื่อรอฟัง อีกคนโผเข้ากอดเข้าจากด้านหลังพลางซุกหน้าลงไปบนแผ่นหลังของเขา
เขาคลายอ้อมแขนของอีกคนออกก่อนพลิกตัวหันกลับมา “ว่าไงครับ” อีกคนไม่พูดอะไร แต่โผเข้ากอดเขาอีกครั้งแล้วซุกใบหน้าลงไปบนแผงอกแทน
“รีบกลับนะ” เสียงพูดอู้อี้เพราะพูดทั้งๆที่หน้ายังคงซุกอกอยู่อย่างนั้น
“คร้าบบ” มินกยูตอบรับ ก่อนค่อยๆจับแขนของอีกคนออก ย่อตัวลงให้ส่วนสูงเสมอกัน แล้วใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของอีกคนไว้ ก่อนมอบจูบอ่อนโยนให้กับอีกคน
“เลิกเรียนแล้ว อย่าไปเถลไถลที่ไหนนะครับ” มินกยูพูดก่อนที่จะหันไปเปิดประตูออกไป
วอนอูยืนส่งเขาจนเดินลับตาไป เขาถอนหายใจออกมา ก่อนประตูจะปิดลง
“ว่าไงคุณเพื่อน หน้าตาเหมือนคนอดนอน นั่งหาวตลอดเชียว” ซึงซอลทักขึ้นหลังจากที่วิชาเรียนแรกจบลง
“ช่างสังเกตเนอะ”
“หรือว่าเมื่อคืน…” ซึงซอลพูดพลางส่งยิ้มแบบมีเลศนัย
“อะไรเล่า”
“แหม แหมๆ” ส่งเสียงแซวพลางเอนตัวไปเบียดแขนอีกคน
“โอ๊ย…” วอนอูร้องออกมา
“เฮ้ย เป็นไรอ่ะ”
“เปล่าๆ รู้สึกเจ็บๆที่แขนอ่ะ”
“ไหนดูสิ เป็นไรมากเปล่า” ซึงซอลไม่พูดเปล่าแต่พยายามจะดึงคอเสื้อของอีกคนลง
“ไม่เป็นไร สงสัยเผลอไปเดินชนอะไรมาล่ะมั้ง” พูดพลางตีมือที่พยายามจะเปิดเสื้อของตัวเอง
“นั่นแน่....เมื่อคืน…” ซึงซอลพูดพลางหัวเราะคิกคัก
“หยุดเลย หยุดคิดสิบแปดบวกเลยนะ”
“ร้อนตัวอ่ะ ยังไม่ได้พูดเลย”
“แต่น้ำเสียงนายมันฟ้องอ่ะ” ทั้งสองเดินเถียงกันไปมาระหว่างทางเดินไปยังห้องเรียนของวิชาถัดไป
“โอ๊ะ นายก็เรียนวิชานี้เหมือนกันหรอ” วอนอูเอ่ยทักชายคนหนึ่งที่เพิ่งเดินขึ้นบันไดมา พลางชี้ไปที่ห้องเรียนที่อยู่ใกล้ๆทางเดิน ชายคนนั้นไม่ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าแล้วชี้ไปที่ห้องเดียวกันนั้น
“ดีเลย มานั่งเรียนด้วยกันสิ” พูดพลางเดินเข้าไปใกล้แล้วพากันเดินเข้าห้องเรียนไป ปล่อยให้เพื่อนอีกคนยืนงงว่าคนที่วอนอูคุยเหมือนสนิมสนมนั้นเป็นใครกัน ทำไมเขาไม่รู้จัก แต่พอนึกไปนึกมาก็รู้สึกเหมือนจะคุ้นหน้าขึ้นมาบ้างเหมือนกัน พอเข้าไปในห้องเรียนนั่งลงข้างเพื่อนสนิทแล้วก็เอาแต่มองคนๆนั้นด้วยความสงสัย ว่าเคยเจอที่ไหน จนเจ้าตัวเขารู้ตัวจ้องกลับมา
“อ๋อ โทษทีลืมแนะนำไปเลย นี่ซึงซอล”
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คนๆนั้นกล่าวทักทายด้วยภาษาที่เป็นทางการ
“ส่วนนี่จุนนะ จุนเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนน่ะ นายไม่ต้องพูดสุภาพขนาดนั้นก็ได้นะ”
“สวัสดี สำเนียงฟังดูแปลกๆนะ ไม่ใช่คนเกาหลีหรอ” ซึงซอลกระซิบถามวอนอู
“มาจากจีนน่ะ” วอนอูตอบแทน
“แล้วไปรู้จักกันได้ไง”
“เรื่องมันยาวอ่ะ”
“ทำอะไรก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน”
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความตามที่พูดนี่แหละ”
“อะไรของนาย”
บทสทนาของทั้งสองจบลงในทันทีที่อาจารย์ผู้สอนเข้ามาในห้องเรียน ช่วงเวลาของการจดจ่ออยู่กับการจดข้อมูลการบรรยายได้เริ่มต้นขึ้นและดำเนินไปอย่างต่อเนื่องราวสองชั่วโมง
“เฮ้อ มือจะหงิกแล้วเนี่ย เอาของนายมาลอกหน่อย จดไม่ทันหลายที่เลย” ซึงซอลพูดทันทีที่อาจารย์ผู้สอนออกมาจากห้อง
“โอเค” วอนอูพูดพลางยื่นสมุดจดให้
“แท้งกิ้ววว เลิกเรียนแล้วไปไหนป่ะ” ซึงซอลถาม
“มีนัดกับจุนอ่ะ”
“อ๋ออ อืมแล้วเจอกันนะ” พูดพลางโบกมือให้ก่อนเดินไป
“ไปกัน” วอนอูหันไปพูดกับจุนที่ยืนรออยู่
ระหว่างทางไปสนามบาสเกตบอลซึงซอลพบเข้ากับมินกยูที่กำลังจะเดินไปที่เดียวกัน
“อ้าว มินกยู วันนี้มาเร็วนะ” เขาเอ่ยทัก
“พอดีเลิกเร็วน่ะครับ”
“อ๋อ จริงสิ นายช่วยไปซื้อน้ำที่ตู้กดน้ำตรงหน้าตึกสามให้หน่อยสิ อ่ะ นี่” เขาพูดและยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้อีกคน
“ห้ะ.. ได้ครับ แต่ว่ามีตู้ตรงใกล้สนามด้วยนะครับ” เขาตกใจที่จู่ๆอีกคนก็พูดขึ้นมา แต่ก็รับคำ
“อ๋อ มันเสียน่ะ เลยให้นายไปซื้อที่นั่นไง”
“ครับ ได้ครับ”
“รีบไปรีบกลับนะ” ซึงซอลตะโกนไล่หลัง
ขณะที่มินกยูกำลังกดน้ำที่ตู้อัตโนมัติเขาก็หันไปเห็นวอนอูที่กำลังเดินมากับชายคนหนึ่ง เขาพินิจใบหน้าของชายคนนั้น ให้แน่ใจว่าตัวเองมองไม่ผิดไปเขาเปิดดูรูปในโทรศัพท์ของตัวเอง ชายคนที่กำลังเดินอยู่ข้างๆพี่วอนอูในตอนนี้ก็คือผู้ชายคนที่ไปที่ร้านอาหารกับวอนอูเมื่อวันก่อน
เขาใช้ความคิดอยู่ชั่งครู่ว่าควรทำอย่างไรดี แล้วก็ตัดสินใจเดินไปดักด้านหน้าของทั้งสอง ทำทีเหมือนบังเอิญเดินมาเจอกัน
“อ้าว พี่วอนอู เลิกเรียนแล้วหรอครับ”
“อื้อ นายล่ะ” วอนอูมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆก็เจอกับอีกคน
“ผมก็เพิ่งเลิกเรียนครับ แล้วนี่พี่กำลังจะไปไหนหรอครับ”
“อ๋อ จะไปห้องสมุดกับเพื่อนน่ะ” วอนอูอธิบายเมื่อเห็นสายตาของมินกยูที่เอาแต่จ้องคนข้างๆเขา
“อ๋อ งั้นหรอครับ อย่ากลับดึกนะครับ แล้วเจอกันครับ” มินกยูพูดพลางขอตัวจากมา
“ห้องสมุดอย่างนั้นหรอ” เขานึกในใจขณะกำลังเดินกลับไปที่สนามบาสเกตบอล
“ทำไมมาช้าจังอ่ะ” ซึงซอลเอ่ยทักทันทีที่เห็นมินกยู
“อ่า ขอโทษนะครับ”
“มาๆวันนี้มาเริ่มกันเลยนะ” ซึงซอลพูดพลางทำมือให้ทุกคนมายืนรวมตัวกันเพื่ออธิบายก่อนจะแยกย้ายกันไปยืนประจำตำแหน่งของตัวเอง
“เฮ้ มินกยู ทำไมนายไม่รับลูกอ่ะ” คนหนึ่งในทีมถามขึ้น
“เออ ทำไมนายปล่อยให้ลูกหลุดมืออ่ะ” อีกคนเสริมขึ้น
“อ่ะ โทษทีนะ ขอใหม่อีกครั้งนะ”
“มินกยูวันนี้นายดูไม่มีสมาธิเลยนะ ตั้งใจหน่อย” ซึงซอลที่ยืนคุมเกมอยู่พูดขึ้น ก่อนหันไปยิ้ม
การซ้อมของวันนี้ดำเนินไปจนถึงเวลาเลิก แม้ว่าตอนเริ่มเขาจะทำได้ไม่ดีนัดแต่พอคนอื่นๆในทีมเริ่มทัก เขากลับมาทำได้ดีแม้จะไม่เท่าวันก่อนๆ
“ทำได้ดีมากทุกคน วันนี้ขอบคุณมาก” ซึงซอลกล่าวขอบคุณทุกคน
“เดี๋ยวเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเจอกันนะ” เขาหันไปบอกกับมินกยู
หลังจากที่ทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อย ก็เดินมาเจอกันซึงซอลเอ่ยชวนเขาไปที่ร้านของตัวเองแต่ก็ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลเดิมที่ว่าไม่ชอบไปที่แบบนั้น
“ว่าแต่วันนี้นายดูแปลกๆนะ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ...” เขาเว้นช่วงก่อนพูดขึ้น “ก็มีเรื่องกวนใจนิดหน่อยนะครับ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ”
“อื้อ ถ้ามีอะไรก็บอกได้นะ” ซึงซอลกล่าว
“ครับ” มินกยูรับคำ
“อ๊ะ..จริงสิ ผมขอตัวก่อนนะครับ” มินกยูที่จู่ๆนึกอะไรขึ้นมาได้ก็รีบขอตัวจากรุ่นพี่ทันที
“อื้อ พรุ่งนี้เจอกันนะ” ซึงซอลบอกลา
บอกลากันเรียบร้อยก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องสมุดทันที เขากดเบอร์โทรหาอีกคนทันทีที่อยู่หน้าห้องสมุด แต่อีกคนไม่ได้รับสายของเขา จึงเปลี่ยนเป็นส่งข้อความแทน “พี่อยู่ที่ไหนครับ”
อีกคนตอบกลับมาว่า “ห้องสมุด” เขาจึงพิมพ์ตอบกลับไปว่า “พี่อยู่ตรงไหนครับ ตอนนี้ผมก็อยู่ที่ห้องสมุดเหมือนกัน”
To Be Continued…
minwon fiction by @Serenity1707
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น