Resist Chapter 17 [Minwon Fiction]

Resist Chapter 17

1 ปีก่อน ... วันแรกของกิจกรรมรับน้อง

“อ้าว...วอนอูมาได้ไงเนี่ย ไหนบอกว่าจะกลับห้อง” ซึงซอลเดินมาทักทายเพื่อนสนิทที่นั่งมองดูกิจกรรมรับน้องอยู่ห่างๆ
“ก็นายได้เป็นพี่ว้ากทั้งทีนี่ เลยแวะมาดูสักหน่อย”
“เป็นไง..เท่ใช่ป่ะ”
วอนอูไม่ตอบอะไรแต่ทำปากคว่ำแทนคำตอบ
“เฮ้ยย ไรอ่ะ ไม่คิดจะชมกันบ้างเลยหรอ”
“จะเลิกกี่โมงอ่ะ”
“อืมม...ก็อีกประมาณสักครึ่งชั่วโมงอ่ะ แล้วนี่นายจะกลับเลยป่ะ”
“ตอนแรกก็ว่าจะกลับเลย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว” วอนอูตอบโดยไม่มองหน้าเพื่อน แต่สายตามองไกลออกไปยังกลุ่มนักศึกษาปีหนึ่งที่กำลังจับกลุ่มกันนั่งพักดื่มน้ำอยู่ริมสนาม
“เวลาพูดกับเพื่อนก็ต้องมองหน้าเพื่อนดิ” ซึงซอลพูดแซวหลังจากที่มองตามสายตาของอีกคนไป
“...” วอนอูยังคงไม่ละสายตาไปจากจุดเดิม
“คนไหนล่ะ” ซึงซอลถามอย่างรู้ทัน
“คนตัวสูงๆนั่น”
“อ๋อออ คนนั้นน่ะหรอ” ซึงซอลมองไปยังนักศึกษาปีหนึ่งรูปร่างสูงคนนั้น ก่อนนั่งลงข้างๆวอนอูแล้วทอดสายตาออกไปโดยปราศจากบทสนทนา
“วอนอู...วอนอู เฮ้ย..วอนอู” เขาเขย่าแขนของอีกคนหลังจากที่เรียกอยู่พักใหญ่ จนอีกคนรู้สึกตัว ก่อนหันมา “หืมมม มีอะไร”
“ดูท่าจะถูกใจนายมากเลยนะ ถึงได้จ้องไม่วางตาซะขนาดนี้”
“ก็น่าสนใจดี” วอนอูพูดพลางยักไหล่
“ต้องไปแล้วอ่ะ หมดเวลาพักแล้ว”
“อืม” วอนอูตอบรับสั้นๆ
“เย็นนี้ไปที่ร้านป่ะ” ซึงซอลพูดพลางมองหน้าเพื่อสลับกับมองไปที่รุ่นน้องคนนั้น
วอนอูอมยิ้มอย่างรู้กันก่อนพยักหน้าแทนคำตอบ
“งั้นรอตรงนี้นะ เดี๋ยวไปพร้อมกัน” ซึงซอลพูดพลางเดินออกไป




เสียงดนตรีบรรเลงบวกกับเสียงทุ้มที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นของนักร้องหนุ่มขับกล่อมคนทั้งร้านให้อยู่ในบรรยากาศแห่งความเพลิดเพลินไปกับบทเพลงหลากอารมณ์ตั้งแต่บทเพลงเศร้าไปจนถึงบทเพลงฟังสบายๆ ยิ่งดึกผู้คนยิ่งทยอยกันมาจนแน่นร้าน “คุปส์บาร์”

ซึงซอลผู้เป็นเจ้าของร้านเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยจากบนชั้นลอยของร้าน ก่อนหยุดและมองไปยังเจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังขับกล่อมแขกในร้าน รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา เป็นรอยยิ้มแห่งความภูมิใจในตัวเพื่อนสนิทคนนี้ เวลาที่วอนอูมาที่ร้านทีไรร้านของเขาจะแน่นจนแทบจะไม่มีที่นั่ง

“พี่ซึงซอลครับ พี่ซึงซอล” เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นพนักงานของร้านเรียกชื่อเขา
“อ้าว ชาน มีอะไรหรอ”
“ใบสั่งของของพรุ่งนี้ครับผมอยากให้พี่ไปตรวจดูหน่อย”
“อื้ม...ไปสิ นายเนี่ยชักจะเก่งแซงหน้าพี่ๆในร้านแล้วนะ”
“อ่า ขอบคุณนะครับ...แต่ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมยังต้องเรียนรู้จากพี่ๆอีกเยอะเลยครับ”
ซึงซอลหัวเราะพลางใช้มือยีหัวอีกคนเบาๆ

ซึงซอลเดินตามชานไปยังห้องเก็บสินค้า แล้วตรวจทานความถูกต้องอีกครั้งตามรายการสรุปที่ชานได้ตรวจสอบไปแล้วก่อนหน้านี้
“โอเค ถูกต้อง เก่งมากเลยชาน” พูดพลางใช้มือยีกลุ่มผมนุ่มของเด็กหนุ่ม
พอตรวจตรางานในส่วนต่างๆเสร็จแล้ว เขาถึงเพิ่งรู้สึกได้ว่าเสียงขับขานบทเพลงนั้นเงียบหายไปแล้วในตอนนี้เหลือเพียงแค่เสียงดนตรีบรรเลง เขารีบเดินออกจากด้านในสุดของร้านไปยังส่วนกลางของร้านเพื่อมองหาเพื่อนสนิท แต่ก็พบแค่เพียงเก้าอี้ที่ว่างเปล่าบนเวที
“วอนอู” เขาพยายามมองหาอีกคนไปรอบๆ แต่เพราะคนที่แน่นร้านทำให้มองได้ไม่ถนัดนัก
จึงตัดสินใจเดินไปทางไปห้องน้ำเผื่อว่าวอนอูจะมาทางนี้

ห้องน้ำชาย ภายในร้านคุปส์บาร์

“ไม่สนใจหรอครับน้อง” ชายคนหนึ่งพูดกับชายร่างบางที่กำลังยืนล้างมืออยู่ที่อ่างล้างมือ พลางเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับชายอีกคน
“...” คนถูกถามไม่ตอบอะไร
“สามคนสนุกกว่านะครับ ไม่ลองหน่อยหรอ” ชายทั้งสองคนเดินเข้ามาประชิดจนคนถูกถามหลังชนเข้ากับกับอ่างล้างมือ
“...” เขาขมวดคิ้ว คิดหาทางหนี
“ไม่ตอบแบบนี้ พี่จะคิดว่าตกลงนะครับ” ไม่พูดเปล่าแต่มือหนาจับเข้าที่เอวบาง ส่วนอีกคนก็ยื่นใบหน้าเข้ามาสูดความหอมของต้นคอขาว
“ตัวหอมจังเลยนะครับ”
เขาเอนตัวหลบ และตัดสินใจผลักหนึ่งในนั้นให้พ้นทางก่อนวิ่งออกจากห้องน้ำไป
“เดี๋ยวสิครับจะรีบไปไหนละ” ชายคนหนึ่งวิ่งตามเขาออกมาก่อนวิ่งไปดักข้างหน้าและเดินไล่ต้อนจนเขาถอยไปชิดกับกำแพง
“ถ้าไม่ชอบสามก็ตัวๆได้นะครับ” ไม่พูดเปล่าแต่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หวังจะจูบริมฝีปากบาง
เป็นเวลาเดียวกันกับที่ซึงซอลเดินมาเห็นเข้าพอดี
“วอนอู” เขาเรียกชื่ออีกคนด้วยเสียงเข้ม ก่อนที่เจ้าของชื่อจะผลักคนที่คิดไม่ดีกับเขาออกไปให้พ้นทางแล้วรีบเดินมาหาคนเรียก
“มาทำอะไรตรงนี้ หืมม” ซึงซอลถามพลางโอบเอวอีกคนเข้ามาแนบตัว แล้วพาเดินออกไป





“อีกแล้วนะวอนอู” ซึงซอลพูดทันทีที่ประตูห้อง VIP ปิดลง
“อะไรของนาย”
“ไม่สนใจน้องคนนั้นแล้วหรอไง”
“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด”
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าไปไหนคนเดียว” ซึงซอลดุ
“ก็แค่ไปห้องน้ำ”
“นายนี่มัน...” ซึงซอลพูดเพียงเท่านี้แล้วถอนหายใจออกมา
“อะไรเล่า..เป็นคนถูกกระทำต่างหาก ไอ้สองคนนั้นน่ะมัน เฮ่ออ ช่างเถอะ” วอนอูตัดจบ เพราะไม่อยากจะพูดถึงเหตุการณ์นั้นอีก
“เอาเป็นว่าถ้ามาที่นี่ห้ามเดินไปไหนคนเดียวอีกตกลงไหม” ซึงซอลพูดเสียงเข้ม
เขาพยักหน้าหงึกๆแทนคำตอบ ก่อนถามเรื่องที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ “ค่าจ้างล่ะ”
“อืมม...เอาเรื่องไหนก่อนดีล่ะ”
“ทุกเรื่อง” วอนอูตอบเสียงเรียบแต่ตาเป็นประกาย
“ชื่อคิม มินกยู เกิดวันที่ 6 เมษายน ปี 1997 ที่อันยาง คยองกีโด จบจากโรงเรียนโซล...”
“เดี๋ยว...ใครอยากรู้เรื่องแบบนี้กัน”
“แหม..ใจร้อนจังนะ”
“ยังไม่มีแฟน อยู่หอ SVT ห้อง 1707 แล้วก็ตารางเรียนส่งให้ในแชทละ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี วอนอูก็พูดแทรกขึ้นมา “เบื่อหอเดิมละอ่ะ”
“หืมมม เอางั้นเลย” ซึงซอลพูดพลางทำตาโตใส่
วอนอูพยักหน้าพลางเปิดดูตารางเรียนในแชทที่ซึงซอลส่งมาให้





“พี่วอนอู~~ พี่วอนอูครับ~~ กินข้าวกันครับ” มินกยูเรียกชื่อของอีกคนทันทีที่ประตูห้องปิดลงพลางวางอาหารที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ ก่อนเดินเข้าไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียง
“...” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
“พี่วอนอูตื่นก่อนนะครับ” พูดพลางใช้มือเขย่าแขนเบาๆ แต่แล้วก็รีบชักมือออกโดยเร็วเพราะรู้สึกถึงอุณหภูมิความร้อนที่แผ่ออกมาจากอีกคน
“ตัวร้อนจี๋เลย” พูดหลังจากที่ใช้หลังมือแตะไปที่หน้าผากของอีกคน ก่อนจะมีท่าทีลุกลี้ลุกลนเพราะไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี ส่วนอีกคนก็ยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“ฮือออ ทำไงดีพี่วอนอู” เขาลุกขึ้นจากเตียงหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆห้อง เหมือนหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำ

เขาพลิกร่างของอีกคนขึ้นมา “นอนคว่ำแบบนี้ เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอกครับ”  ก่อนประคองร่างของอีกคนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน กระดุมเสื้อเชิ้ตค่อยๆถูกปลดออก เผยให้เห็นถึงรอยเขียวช้ำบนผิวไล่ลงไปตั้งแต่ลำคอ ไหล่ และเอว ไม่นับรวม รอยช้ำเล็กๆและรอยข่วนอีกมากมายที่กระจายอยู่ทั่วบนผิวของอีกคน นั่นทำให้เขายิ่งรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ
“เป็นเพราะผมเองที่ทำให้พี่เป็นแบบนี้ ผมขอโทษนะพี่วอนอู” เขานึก ก่อนใช้ผ้าขนหนูค่อยๆสัมผัสไปบนผิวของอีกคนอย่างแผ่วเบา
“งื้ออ หนาว” เสียงพูดของวอนอูดังขึ้นทั้งๆที่ยังคงหลับตา
“เดี๋ยวผมเปลี่ยนชุดให้นะครับ” มินกยูกระซิบบอก วอนอูพยักหน้าแทนคำตอบ พูดจบก็ค่อยๆวางร่างของอีกคนลงบนเตียง แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอยู่ครู่หนึ่ง พอได้ชุดที่จะใช้เปลี่ยนให้อีกคนก็เดินกลับมาที่เตียงก่อนจัดแจงเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยแล้วจึงก้มหน้าลงไปถามเบาๆ “พี่วอนอู ไปหาหมอไหมครับ” คนถูกถามขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนส่งเสียงในลำคอกลับมา
“ไปไหมครับ” เขาถามซ้ำ
“งื้ออ” ส่งเสียงในลำคอพลางพลิกตัวหันหลังให้
“ถ้าไม่ไปก็ต้องตื่นมากินข้าวกินยาก่อนนะครับ”
“อื้ออ ม่ายย” พูดเสียงอู้อี้
“ถ้าพี่ไม่ตื่นผมอุ้มพี่ไปหาหมอจริงๆนะ”
มินกยูให้เวลาอีกคนอยู่ชั่วครู่ก่อนถามอีกครั้ง
“ตื่นหรือยังครับ”
“งื้อ” ส่งเสียงในลำคอก่อนพลิกตัวหันหน้ามาหาอีกคน
“ลุกมากินข้าวกินยาก่อนนะครับ เดี๋ยวไม่หายนะ” พูดพลางพยุงให้อีกคนลุกขึ้นนั่ง
พอลุกขึ้นมานั่งได้ ก็เอนหัวไปซบกับไหล่ของอีกคนพลางหลับตา
“หืมมม พี่โอเคไหมอ่า” มินกยูถามพลางก้มหน้าลงมาใกล้
วอนอูเพียงแค่พยักหน้าทั้งๆที่ยังหลับตา
“ในห้องมียาแก้ไข้ไหม” มินกยูถาม
วอนอูขยับหน้าไปมาเล็กน้อยเป็นเชิงปฏิเสธ
“งั้นเดี๋ยวผมขึ้นไปเอายาที่ห้องมาให้นะ พี่รอก่อนนะ” พูดพลางขยับหมอนให้อีกคนนั่งได้ถนัดแล้วรีบออกจากห้องไป

ขณะที่เอื้อมมือไปคว้าขวดยาแก้ไข้ก็นึกขึ้นมาได้ว่าอาหารที่ซื้อมาดูจะไม่เหมาะกับคนป่วยเท่าไรนัก รีบหุนหันออกจากห้องของตัวเองตัดสินใจลงไปที่ร้านอาหารใกล้ๆหอพัก ในมือยังกำขวดยาแน่น
“ป้าครับผมขอโจ๊ก 1 ที่ห่อกลับครับ”
“ได้สิ รอเดี๋ยวนะ”
“ขอด่วนเลยนะป้า” ตะโกนตามหลังป้าที่กำลังเดินเข้าไปหลังร้าน
เขายืนรออย่างร้อนรน เพราะกลัวคนป่วยจะรอนาน
“ให้คนป่วยสินะ นี่ลัดคิวให้ก่อนเลยนะ” ป้าพูดพลางยื่นถุงถ้วยข้าวให้
“ห๊ะ ป้ารู้ได้ไงครับ”
“ก็ขวดยาน่ะ” พูดพลางชี้ไปที่ขวดยาในมือ
“ห๊ะ” อุทานออกมา เมื่อก้มลงขวดยาในมือตัวเอง
เขาแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถือมันออกมาด้วย แล้วก็เอาแต่บ่นตัวเองระหว่างที่อยู่ในลิฟท์ว่าทำไมถึงไม่แวะไปที่ห้องเพื่อเอายาให้พี่วอนอูก่อนแต่ดันถือขวดยาลงไปที่ร้านข้าว
“โอยย อยากจะตีตัวเอง”

“พี่วอนอูผมมาแล้ว ขอโทษนะครับที่ให้รอ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็นตราหน้า ร่างของอีกคนนอนฟุบอยู่บนพื้นห้อง
“เฮ้ย พี่” เขารีบวิ่งไปคว้าร่างนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วเรียกชื่อ
“พี่วอนอู” ไร้เสียงตอบรับหรือปฏิกิริยาใดๆในครั้งแรก
“พี่วอนอู” เขาเริ่มเขย่าร่างของอีกคนเบาๆ รออยู่ครู่หนึ่งอีกคนก็ค่อยๆหรี่ตาขึ้นมา
“พี่ไหวไหมไปหาหมอไหม เดี๋ยวผมพาไปนะ” พูดพลางทำท่าจะอุ้มอีกคนขึ้น
“หึ” วอนอูส่งเสียงปฏิเสธพลางแตะเบาๆที่ต้นแขนของอีกคนราวกับจะบอกให้ใจเย็นๆ
“แต่ผมว่า...” มินกยูพูดได้แค่นั้น วอนอูก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เบาและแหบพล่า
“ห้องน้ำ...”
“ห้ะ...” มินกยูไม่เข้าใจ
วอนอูชี้มือไปทางห้องน้ำ
“พี่จะไปห้องน้ำหรอ” มินกยูเริ่มเข้าใจอีกคนขึ้นมา
วอนอูพยักหน้าแทนคำตอบ
พออุ้มมาส่งถึงห้องน้ำก็ค่อยๆวางร่างของอีกคนลงแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือที่โอบรอบเอวบางนั่นออก
“ให้ช่วยไหมครับ” เขาถามด้วยความเป็นห่วงเพราะอีกคนดูจะทรงตัวได้ยากลำบากเพราะพิษไข้
วอนอูไม่ตอบอะไรแต่ทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความโงนเงน พอเห็นอย่างนั้นมินกยูเลยเข้าช่วยพยุงจนถึงที่
“ผมจะยืนอยู่แบบนี้” เขายืนประชิดร่างของอีกคนอยู่ด้านหลัง
วอนอูเพียงแค่หันมามองคนที่อยู่ด้านหลังของเขา แม้ว่าอยากจะไล่เจ้าเด็กนี่ออกไป แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ เลยต้องปล่อยเลยตามเลย พอเสร็จธุระเจ้าเด็กตัวโตก็อุ้มเขาพากลับมาที่เตียง ป้อนโจ๊ก ป้อนยา ให้เสร็จสรรพ แถมกำชับว่าอย่างเพิ่งนอนให้นั่งอยู่สักพักก่อน
“นั่งอยู่แบบนี้ สักพักก่อนนะครับ” เขาพูดพลางนั่งลงข้างๆหลังจากที่ลุกไปเก็บขวดยาและจานอาหารแล้ว
“อื้อ” วอนอูส่งเสียงตอบรับ “มาอยู่ใกล้ๆเดี๋ยวก็ติดไข้หรอก”
“ก็ดีสิจะได้เป็นเหมือนกัน” พูดพลางขยับตัวเข้าไปใกล้
วอนอูเหลือบตามองก่อนที่จะเอียงคอซบลงบนไหล่หนา มินกยูขัยตัวเข้าไปใกล้อีกแล้วโอบรอบเอวของอีกคนไว้ ให้อีกคนนั่งได้ถนัดขึ้น กลายเป็นว่าในตอนนี้วอนอูนั่งอยู่ในอ้อมแขนและซบลงบนอกของเขา ทั้งสองนั่งอยู่แบบนั้นโดยปราศจากบนสทนาใดๆ มินกยูคว้ามือของวอนอูมาจับไว้หลอมๆก่อนใช้นิ้วหัวแม่มือถูเบาๆลงบนหลังมือของอีกคน ราวกับต้องการปลอบโยน

เขานั่งอยู่อย่างนั้นปล่อยให้เวลาผ่านไป เป็นเวลานานเท่าไรเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ แต่พอก้มลงมองอีกคนก็พบว่าหลับไปเสียแล้ว จึงค่อยๆขยับให้อีกคนลงนอนแล้วขยับผ้าห่มมาห่มให้ เขาถอนหายใจและนั่งมองอีกคนด้วยความรู้สึกผิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินออกจากห้องไป





To Be Continued…

minwon fiction by @Serenity1707



ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม