Resist Chapter 6 [Minwon Fiction]
[Resist Fiction]
Chapter 06
"ขอบคุณครับ" มินกยูพูดคำนี้ซ้ำๆมาเป็นเวลากว่าสิบนาทีแล้ว เขาพูดพลางรับถุงและจดหมายจากสาวๆที่นำมายื่นให้ "เฮ่อ...เป็นนายนี่มันน่าอิจฉาจริงๆเลยนะ มินกยู" รุ่นพี่คนหนึ่งในคณะพูดแซวตอนที่เดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี
ทันทีที่ปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นได้ "ใกล้จะห้าโมงแล้วนะ" เขานึกพลางสาวเท้าเดินไปตามทางเดินสู่ประตูมหาวิทยาลัย แต่ระหว่างทางก็เจอกับอีกหลายคนที่มาดักรอเพื่อมอบจดหมายและขนมต่างๆให้ "ทำไมวันนี้เยอะจังนะ" เขาพึมพำพลางก้มลงมองถุงของที่ถือพะรุงพะรังอยู่ในมือ
17.17 น. เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาเมื่อเข้าไปในลิฟท์ของหอพัก พอออกมาจากลิฟท์ก็พบชายร่างบางในชุดนักศึกษายืนกอดอกหน้างุ้มอยู่หน้าห้องของตัวเอง
"ขอโทษนะครับ ผมรีบแล้วนะ แต่ทำไมวันนี้มีคนมาให้ของเยอะก็ไม่รู้" มินกยูพูดทันทีที่เดินมาถึง
"หึ" เขาส่งเสียงในลำคอ พลางมองค้อนใส่อีกคน
"ผมขอโทษษษ ~ แต่พี่ดูนี่สิ มีขนมเยอะแยะเลยนะ" ว่าพลางยื่นถุงให้ดู
อีกคนไม่พูดอะไร ยังคงมองมาด้วยหางตา แต่ก็ขยับตัวหลีกทางให้
มินกยูวางถุงของลงบนชั้นวางทีวี และนั่งลงที่ปลายเตียง
"เฮ้ย!พี่จะทำอะไรอ่ะ" อุทานเสียงดัง หลังจากที่หันมาเห็นอีกคนกำลังแกะกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายอยู่
"ไม่นะ.. ไม่.. อดทนไว้มินกยู พี่~~~ ทำไมพี่ทำกับผมแบบนี้ ความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัดนะ อย่านะ.. อย่าเข้ามา นี่มันใกล้เกินไปแล้วนะ ㅠㅠ " เมื่ออีกคนค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ในสภาพที่กระดุมเสื้อนักศึกษาถูกปลดออกหมด
"นี่..." วอนอูพูดพลางชี้ไปที่รอยแดงบนหน้าอกของตัวเอง
"ห้ะ!" มินกยูสะดุ้ง
"นาย..." วอนอูทำหน้าคาดโทษใส่อีกคน
"ผม...คือ...ผม...คือ...คือ" มินกยูพูดตะกุกตะกัก
"เอ๊ะ!" วอนอูทำท่าเหมือนนึกอะไรออกแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ
"พี่~~"
"นี่นาย!!" เดินกลับออกมา ในสภาพเปลือยท่อนบน ในมือถือเสื้อที่เพิ่งถูกถอดออก พลางทำหน้างอใส่อีกคนแล้วชี้ให้ดูที่เอวด้านหลัง หลังจากที่ไปส่องกระจกในห้องน้ำเพื่อดูว่ารอยแดงๆนั่นยังมีตรงอื่นบนตัวของเขาอีกหรือเปล่า
"พี่~~ผมขอโทษ" มินกยูทำหน้าเศร้าพลางคุกเข่าลงบนพื้น
"..." วอนอูไม่พูดอะไร แต่จ้องหน้าอีกคนนิ่ง
"พี่จะตีผมก็ได้ หรือจะให้ผมทำอะไรก็ได้นะ แต่ผมขอโทษ ~ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ" มินกยูนั่งก้มหน้า
"หึ..ไม่ได้ตั้งใจงั้นหรอ"
"พี่...ผมขอโทษ" มินกยูพูดเสียงอ่อย พลางทำหน้าเศร้า
"นาย..." เขาหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านี้แล้วถอนหายใจใส่อีกคน ก่อนหันหลังให้
“แต่ผมว่าตอนนี้พี่ควรจะใส่เสื้อก่อนนะ” เสียงของมินกยูดังขึ้นทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นมาสักพัก
“ทำไม..ไม่ใส่จะทำไม” เขาพูดพลางหันกลับมาทำหน้าดุใส่อีกคน
“ผมจะนับหนึ่งถึงสาม...ถ้าพี่ไม่สวมเสื้อนะ” จากน้ำเสียงเศร้าแบบคนสำนึกผิด ตอนนี้กลับกลายเป็นเสียงขู่แทน
“ทำไมนายจะทำไม” วอนอูพูดพลางโยนเสื้อในมือทิ้ง
“หนึ่ง”
“...”
“สอง”
“...”
“สาม”
พอสิ้นเสียงนับสาม เขาก็ยืดตัวขึ้นแล้วใช้มือทั้งสองข้างรวบเอวของคนตรงหน้าให้เข้ามาใกล้ จนตอนนี้ระดับใบหน้าของเขาอยู่ระดับเดียวกันกับหน้าท้องของอีกคน สันจมูกโด่งไล่เลี่ยไปตามหน้าท้องแบนราบจนอีกคนต้องเกร็งท้องตาม ลิ้นหยาบค่อยๆเคลื่อนไปสัมผัสกับสะดือจนอีกคนสะดุ้ง ก่อนเปลี่ยนมาซุกใบหน้าลงไปกับหน้าท้องแบนราบนั้น
“อุ่น ตัวของพี่อุ่นจัง”
เขาไม่ตอบอะไรแต่พยายามแกะเอาเรียวแขนทั้งสองข้างออกจากสะโพกของตัวเอง แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามออกแรงมากเท่าไร แรงรัดจากเรียวแขนแกร่งนั้นก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย
“พี่อยากรู้ไม่ใช่หรอว่าผมจะทำอะไรถ้าพี่ไม่ยอมสวมเสื้อ” เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ที่ตอนนี้หันหน้าหนีเพราะความเขิน
สันจมูกที่แต่เดิมอยู่ตรงหน้าท้องตอนนี้ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นตามการยืดตัวของเจ้าของ เขายืดตัวตรงเพื่อปรับความสูง จนตอนนี้ใบหน้าของเขามาอยู่ที่ระดับเดียวกับแผงอกของอีกคน
ลิ้นหยาบค่อยๆแทรกตัวผ่านริมฝีปากออกมา แล้วค่อยๆละเลียไปที่จุดอ่อนไหว คนอีกคนเผลอส่งเสียงออกมา “อ๊ะ!”
“หยุดนะ...มินกยู... อย่าทำ...อ๊ะ...” เสียงที่หายขาดไปเป็นช่วงๆ
“ผมก็เตือนพี่แล้วนี่”
ริมฝีปากงับเข้าที่ยอดอกก่อนขบเม้น คนที่ยืนอยู่แทบจะพยุงตัวอยู่ไม่ไหวจนต้องขยุ้มกลุ่มผมของอีกคนไว้แน่น
เรียวแขนค่อยๆคลายออกข้างหนึ่งอีกข้างยังคงโอบสะโพกมนไว้ ส่วนมือข้างที่เป็นอิสระ ลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง ก่อนค่อยๆเลื่อนลงมาจับที่ด้านหน้าของขอบกางเกงนักศึกษาของอีกคน
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้มินกยูหยุดการกระทำ เขาผละตัวออกลุกขึ้นยืนแล้วประคองอีกคนให้นั่งลงบนเตียงก่อนที่ตัวเองจะเดินไปที่ประตูห้อง
"อ้าว !พี่ มาทำอะไรที่นี่ครับ" เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นคนที่อยู่หลังประตู
"ก็มาหานายนี่แหละ" ซึงซอลตอบ
"มาหาผม! มีอะไรหรอครับ"
"นายลืมโทรศัพท์ไว้น่ะ" เขาพูดพลางยืนโทรศัพท์ให้
"อ่า ขอบคุณนะครับ" เขาโค้งให้เล็กน้อยก่อนรับมา
"...ไปล่ะ" เขาเงียบไปสักพักก่อนพูดขึ้นแล้วหันหลังเดินออกไป
"ครับ ขอบคุณนะครับพี่" มินกยูพูดตามหลังอีกคนที่รีบเดินจากไป
พอหันหลังให้อีกคนซึงซอลก็ยิ้มออกมา เขามองเห็นรองเท้าผ้าใบของผู้ชายสองคู่ในห้องของมินกยู และหนึ่งในนั้นเขาจำได้ว่าเป็นรองเท้าของ วอน อู แม้จะมองไม่เห็นอีกคนแต่เขาก็รู้ได้ในทันที
"ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะ" เขาพิมพ์และส่งข้อความหาวอนอู
"นายมันร้าย" เขาพึมพำเบาๆขณะเดินออกจากหอพัก
ย้อนกลับไปตอนเช้าของวันนี้...
ใต้ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์
"นี่...เครื่องดื่มใหม่ของร้าน เมนูพวกนี้ฉันคิดเองเลยนะ" ซึงซอลพูดพลางวางขวดเครื่องดื่มจำนวนมากลงกลางโต๊ะที่เต็มไปด้วยรุ่นร้องและเพื่อนๆที่นั่งล้อมวงกันเพื่อรอเวลาเข้าเรียนกันอยู่
"จะมอมกันแต่เช้าเลยหรอพี่"
"เฮ้ย...ให้ชิมๆพวกนายก็อย่าดื่มเยอะสิ"
"โห ก็พี่เอามาเยอะขนาดนี้อ่ะ"
"อ้าววอนอู...มานี่สิ" เขาตะโกนเรียกเมื่อมองไปเห็นอีกคนกำลังเดินมา
"หืมมม มีอะไรหรอ"
"นายช่วยชิมเครื่องดื่มที่ฉันเพิ่งคิดค้นใหม่ให้หน่อยสิ"
"ตอนนี้?" เขาพูดเป็นเชิงถาม
"ใช่ตอนนี้แหละ นายเลือกได้เลยจะเอาขวดไหน"
"อืมมม งั้นเอาขวดสีฟ้าละกันนะ" เขาใช้เวลาคิดอยู่พักหนึ่งก่อนเอื้อมตัวไปหยิบขวดเครื่องดื่มสีฟ้าที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ ทำให้เสื้อนักศึกษาที่ใส่อยู่เผยอออกเห็นรอยแดงบนแผงอก ซึงซอลที่นั่งอยู่มองไปเห็นเข้าพอดีจึงรีบลุกขึ้นแล้วคว้าคอเจ้าเพื่อนรักก่อนพาเดินไปอีกทาง โชคดีที่คนอื่นๆกำลังให้ความสนใจกับเครื่องดื่มตรงหน้าจึงไม่มีใครสังเกตเห็น
“แหมมม...รู้ว่าดีใจ แต่ก็ไม่เห็นจะต้องอวดขนาดนี้เลยนี่” ซึงซอลพูดหลังจากที่ทั้งสอง พากันมาหยุดอยู่ตรงที่พักบันไดที่ปลอดผู้คน
“อวด?” เขาขมวดคิ้ว
“ก็รอยที่อกนั่นงัย” ซึงซอลตอบพลางพยักเพยิดไปที่แผงอกของอีกคน
“ห้ะ รอยหรอ? รอยอะไร?” วอนอูพูดพลางเปิดคอเสื้อดู
“อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ตัว” ซึงซอลพูดพลางหัวเราะ
วอนอูไม่ตอบอะไรแต่ส่ายหน้าพร้อมกับสีหน้าตกใจหลังจากที่เห็นรอยแดงบนอกของตัวเอง
“เฮ้ย...เป็นไปได้งัย หรือว่าเด็กนั่นมันลักหลับนาย” ซึงซอลกระซิบ
“หืมมม” เขาหันไปทำตาโตใส่เพื่อนสนิท
“นายรู้สึกเจ็บๆตรงสะโพกหรือว่าตรงไหนมั้ย” เขาพูดพลางจับอีกคนหมุนตัว
วอนอูส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่อยากจะเชื่อ นายพลาดท่าให้เด็กนั่นแบบไม่รู้ตัวหรอเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ไม่มีอะไรแบบนั้นสักหน่อย”
“นายรู้ได้งัย ขนาดรอยนั่นมาได้งัยนายยังไม่รู้ตัวเลย” ซึงซอลพูดพลางตบไล่อีกคนเบาๆก่อนเดินจากไป ทิ้งให้วอนอูยืนงงอยู่ตรงนั้น
"พี่จะไปไหนครับ" มินกยูที่เดินกลับเข้ามาเห็นอีกคนสวมเสื้อติดกระดุมเรียบร้อยถามขึ้น
"กลับห้อง"
"อ้าว...พี่ไม่นอนหรอวันนี้"
เขาไม่ตอบอะไร แต่มองอีกคนด้วยหางตา
มินกยูที่โดนมองมาด้วยสายตาแบบนั้นจึงต้องยอม
"งั้น...ผมเดินไปส่งนะ" พูดเสียงอ่อย
"ตามใจ" เขาตอบโดยที่ไม่หันไปมองอีกคน แล้วเดินออกจากห้องไป
"พี่~~~" มินกยูลากเสียงยาวเรียกอีกคน ที่กำลังจะปิดประตูห้อง
"หืม" วอนอู ขมวดคิ้วเป็นเชิงถาม
"พี่จะไม่ชวนผมเข้าไปจริงๆหรอ"
อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรแต่ปล่อยมือจากประตูแล้วเดินเข้าไปในห้อง พอหันหลังให้อีกคนรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของวอนอู
มินกยูเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดว่าอะไร และเปิดประตูไว้ก็ค่อยๆเดินตามเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันไปปิดประตูห้อง
เขามองไปรอบๆห้อง แม้จะเป็นครั้งที่สองที่ได้มาห้องของพี่วอนอูแต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มองภายในห้องชัดๆแบบนี้
"ห้องพี่รกจัง"
"..." วอนอูไม่ตอบอะไร เพียงแค่ปลายตามอง แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
"พี่ยังโกรธผมอยู่หรอ ผมขอโทษนะ พี่จะตีผมก็ได้นะ ผมยอมให้ตีเลย...อ่ะ" เขาพูดพลางเดินไปนั่งลงข้างๆเตียงแล้วยื่นหัวให้อีกคนตี
"พูดมาก" อีกคนพึมพำแล้วก็พลิกตัวหันไปอีกด้าน
เขาต้องทำอะไรสักอย่างให้อีกคนหายโกรธ มินกยูใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่ จึงพูดออกมา
"ผมเก็บห้องให้นะ" ไม่พูดเปล่าแต่ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่กองหนังสือตรงมุมห้อง ค่อยๆเก็บหนังสือและชีทเรียนที่ถูกวางไว้อย่างไม่เป็นระเบียบมาเรียงและเก็บเข้าชั้นวาง
วอนอู พลิกตัวกลับมามองดูอีกคนอย่างเงียบๆ
พอจัดการกับกองหนังสือเรียบร้อยแล้ว มินกยูก็เดินตรงไปยังกองเสื้อผ้าหน้าห้องน้ำ พอเห็นดังนั้นวอนอูผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วร้องห้าม
"อย่านะ!"
"พี่ไม่ได้ซักผ้ามานานเท่าไรแล้วเนี่ย" มินกยูไม่สนใจเสียงร้องห้ามของอีกคน เขาหยิบตะกร้าผ้ามาแยกประเภทและสีของผ้า รวมทั้งกางเกงชั้นในด้วย
ดูท่าว่าอีกคนจะไม่ได้สนใจเสียงห้ามของเขาเลย วอนอูถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงนอนตามเดิม “อยากทำก็ทำไปเลย” เขาพึมพำพลางพลิกตัวไปอีกด้าน
มินกยูขนเสื้อผ้าลงไปซักที่ห้องซักล้างด้านล่าง ก่อนกลับมาเก็บกวาดพื้นห้องที่เต็มไปด้วยขยะ และสิ่งของที่วางไว้ระเกะระกะ
เขาเหลือบมองไปยังอีกคนที่กำลังหลับอยู่บนเตียง “เวลาพี่หลับเนี่ย ก็อันตรายไม่แพ้ตอนตื่นเลยนะ” เขานึก
หลังจากที่เก็บกวาดห้องเรียบร้อยแล้ว มินกยูก็ลงไปเอาผ้าที่ซักขึ้นมาพร้อมกับถุงกับข้าวมื้อเย็นในมือ พอตากผ้าเรียบร้อบแล้วก็เดินมาหาอีกคนที่ยังคงนอนหลับอยู่
“พี่...วอนอู” เขาเรียก
“พี่...ตื่นมากินข้าวก่อน”
“พี่. . .”
ไม่มีปฎิกิริยาใดๆจากคนตรงหน้า มินกยูนั่งลงบนพื้นข้างเตียงแล้วกระซิบบอกคนตรงหน้า
“ถ้าพี่ไม่ตื่นผมจูบนะ”
คราวนี้อีกคนบิดขี้เกียจพลิกตัวนอนหงายพลางส่งเสียงในลำคอ “งื้ออ”
“อีกแล้ว...งุ้งงิ้งอีกแล้วนะ” เขานึกแล้วจ้องไปที่ใบหน้าของอีกคน พลางกลืนน้ำลาย มองไล่ลงไปยังคอเสื้อที่ตอนนี้กระดุมสองเม็ดบนไม่ได้ถูกติดไว้ เผยให้เห็นแผงอกขาวๆ เขากลืนน้ำลายอีกหน ก่อนมองไปเห็นรอยแดงเจ้าปัญหา จึงลุกขึ้นแล้วหันหลังให้
“อดทนไว้มินกยู” นึกพลางกำมือแน่น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
“งื้อออ งื้ออออ”
“ความอดทนของผมจะหมดลงเพราะเสียงงุ้งงิ้งของพี่นี่แหละ” เขานึกพลางหันกลับไปตามเสียงนั้น ภาพที่เห็นคืออีกคนที่นอนเหยียดแขนขาเพื่อบิดขี้เกียจ กับเสื้อเชิ้ตนักศึกษาที่เกือบจะหลุดอยู่รอมร่อ ชายเสื้อที่เปิดขึ้นไปเพราะแรงดิ้นจวนจะถึงอก
หน้าท้องขาวๆ ที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะของการหายใจ ไรขนอ่อนๆใต้สะดือไล่ลงมายังขอบกางเกงชั้นใน
เสียงที่ดังที่สุดในห้องตอนนี้ก็คงจะเป็นเสียงกลืนน้ำลายของมินกยูนี่แหละ
“พี่!ผมจะปลุกพี่อีกแค่ครั้งเดียวนะ” เขาพึมพำก่อนเดินไปยืนข้างเตียง
“พี่วอนอู”
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฏิกิริยาใดๆจากคนตรงหน้า
มินกยูถอนหายใจก่อนขึ้นไปนั่งบนเตียง แล้วตัดสินใจเรียกอีกครั้ง
“ครั้งสุดท้ายจริงๆนะ ตื่นเถอะพี่” เขานึกพลางค่อยๆวางมือลงบนต้นแขนของอีกคน ก่อนเอ่ยเรียกแล้วขยับมือเบาๆ “พี่วอนอู” แต่ก็เหมือนเดิมอีกคนยังคงนอนหลับ
มินกยูหันไปสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนหันกลับมาทางคนที่นอนอยู่ เขาค่อยๆขยับตัวเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกคนตื่น
To Be Continued ...
minwon fiction by @Serenity1707
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น