Resist Chapter 11 [Minwon Fiction]
Resist
Chapter 11
“ผมจะนับหนึ่งถึงสามนะ ถ้าพี่ยังไม่ลุกล่ะก็...”
“แปบนึงงง”
“หนึ่ง.”
“สอง..”
...
...
...
“รู้แล้วก็ลุกสิครับ” เสียงแผ่วเบาที่ดังขึ้นที่ข้างหูทำเอาคนได้ยินถึงกับขนลุกจนเอียงคอพับในทันที
ร่างสูงที่คร่อมอยู่เหนือร่างบาง ซึ่งมีระยะห่างเพียงหนึ่งศอกเพราะใช้ปลายแขนท่อนล่างยันลำตัวไว้
“เดี๋ยวค่อยมาอ่านต่อนะครับ” ไม่เพียงแค่กระซิบเสียงแผ่วใส่หูอีกข้างแต่ยังใช้ริมฝีปากงับเข้าที่ใบ
หูด้วย คนถูกกระทำขนลุกไปทั้งตัวจนเผลอปล่อยหนังสือที่ถือไว้หลุดออกจากมือ
“อ๊ะ” อุทานเมื่อเห็นหนังสือที่ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆเพราะถูกคว้าไปโดนมือหนาของอีกคน ก่อนพลิกตัวนอนหงายมามองหน้าอีกคน ที่ตอนนี้อยู่ในท่านั่งคุกเข่า
มินกยูมองจ้องไปที่ริมฝีปาก ลำคอ อก หน้าท้อง ไล่ลงมายังเอวคอด สะโพก และต้นขาของอีกคนก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ บางทีอาจมีอย่างอื่นที่น่ากินมากกว่าข้าวที่ซื้อมา
มินกยูสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนรีบลุกออกจากเตียง แล้วเดินไปหยิบน้ำเปล่าในตู้เย็น พอหันกลับมา คนต้นเหตุที่เกือบจะทำให้ไม่ได้กินข้าวก็ลงมานั่งที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว ตลอดมื้ออาหารไม่ได้มีสนทนาระหว่างคนสองคน จะมีก็แต่คนพี่ที่เอาแต่เหลือบมองไปที่เล่มหนังสือที่ถูกนำไปวางไว้บนชั้นวางเหนือโทรทัศน์เพราะคนน้องที่นำไปวางไว้และขู่ว่าถ้าไม่กินข้าวให้หมดก็ไม่ต้องอ่านหนังสือ
เมื่อจัดการกับอาหารของตัวเองเรียบร้อยแล้วมินกยูก็ตัดสินใจถามขึ้นว่า “เมื่อคืนผมมาที่ห้องของพี่ได้อย่างไรหรอครับ” วอนอูไม่ตอบแต่ขยับตัวไปนั่งข้างๆอีกคนก่อนพูดขึ้นว่า “มินกยู~~ขอชิมกาแฟหน่อยสิ” พูดพลางมองไปที่แก้วกาแฟที่อีกคนกำลังดื่มอยู่ มินกยูชี้ไปที่แก้วของตัวเอง พออีกคนพยักหน้าก็ยื่นแก้วส่งให้ วอนอูที่รับแก้วมาก็รีบส่งหลอดเข้าปากแต่ยังไม่ทันจะดูดกาแฟขึ้นมา หลอดก็ถูกบีบไว้ด้วยนิ้วของอีกคน
“อื๊อ~~ยังไม่ได้กินเลย” โวยวายคิ้วขมวด ก่อนที่มินกยูจะแย่งแก้วกลับมาถือไว้
“ชิมหนึ่งครั้งคิดค่าชิมหนึ่งทีครับ”
“อะไ...” ยังไม่ทันอะไรพูดอะไรออกไปริมฝีปากก็ถูกครอบครองด้วยริมฝีปากของอีกคน
“อยากชิมอีกมั้ยครับ” มินกยูถามทันทีที่ละริมฝีปากออก
วอนอูพยักหน้าแทนคำตอบ
“ชิมอีกครั้งก็ต้องคิดค่าชิมอีกทีนะครับ” มินกยูพูดพลางมองดูอีกคนที่กำลังดูดกาแฟจากหลอดเดียวกันกับที่เขาใช้ก่อนหน้านี้
ริมฝีปากที่ค่อยๆครอบปลายหลอดเข้าไปช้าๆ ลำคอที่ขยับขณะกำลังกลืนน้ำและท่านั่งคุกเข่าปลายเท้าราบกับพื้น บั้นท้ายที่แตะพื้นโดยมีขาเรียวขนาบข้าง ท่านั่งแบบนี้อีกแล้ว ท่านั่งที่ชวนให้มินกยูใจเต้นแรง
“พอแล้วครับ เดี๋ยวก็นอนไม่หลับหรอก” มินกยูบีบหลอดเป็นการห้ามอีกคน
“พอก็ได้ ไม่อร่อยเลย ขมก็ขม” พูดหน้าง้ำพลางยื่นแก้วคืนให้อีกคน
“แต่ผมมีอย่างอื่นที่อร่อยกว่านะ” มินกยูนึกในใจพลางยกยิ้มมุมปาก
“ยิ้มอะไร” วอนอูทำหน้าไม่เข้าใจ
นอกจากมินกยูจะไม่ตอบอะไรกลับไปแล้วยังค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของวอนอูมากขึ้นเรื่อยๆ จนอีกคนทำท่าจะลุกหนีแต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าหลังต้นคอแล้วครอบครองริมฝีปากของคนตรงหน้าอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่จูบที่ดูดดื่มแต่ก็เป็นจูบที่เนิ่นนานจนคนถูกกระทำประท้วงเบาๆด้วยการผลักอก
“ไปอ่านหนังสือต่อดีกว่า” พูดพลางหันหน้าไปอีกทางแล้วลุกขึ้นทำท่าจะเดินไปที่ชั้นวาง
“เดี๋ยวก่อนครับ” มินกยูพุดพลางดึงแขนอีกคนไว้
“หืม” หันกลับมาเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถาม
“กินอิ่มแล้วก็ต้องเก็บโต๊ะนะครับ”
“อ่านหนังสือออ” พูดเสียงยานคราง
“เก็บโต๊ะก่อน เอาขยะไปทิ้งหลังห้อง แล้วก็เช็ดทำความสะอาดโต๊ะด้วยนะครับ” มินกยูพูดพลางลุก
ขึ้นไปหยิบถุงขยะและผ้าเช็ดโต๊ะมาให้
“แล้วนายล่ะ”
“ผมจะไปซักผ้า” เดินไปหยิบตะกร้าผ้ามาถือไว้และยกให้อีกคนดู
“ไม่เอาอ่ะ” วอนอูทำหน้ามุ่ย
“งั้นพี่ไปซักผ้าแทนผม” พูดพลางทำท่าส่งตะกร้าผ้าให้อีกคน
“ทำก็ได้” พูดจบก็เดินไปเก็บโต๊ะอาหาร
“งั้นก็ทำให้สะอาดเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะขึ้นมาดู แต่ผมจะเอาหนังสือลงไปด้วยเผื่อมีคนอู้”
“ห๊าาา...” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรอีกคนก็เดินออกไปจากห้องเสียแล้ว
วอนอูง่วนอยู่กับการเก็บขยะและทำความสะอาดโต๊ะอาหาร อันที่จริงก็ไม่ได้อยากทำหรอกอยากได้
หนังสือคืนมากกว่า กำลังสนุกเลย “ไอ้เด็กนี่ เล่นกับใครไม่เล่นซะแล้ว”
หลังจากเก็บกวาดจนสะอาดแล้วก็หย่อนตัวนั่งลงบนตียงพลางถอนหายใจ ก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียง
พลิกตัวไปมา “เมื่อไรจะขึ้นมานะ” เขานึกพลางมองไปรอบๆห้องด้วยความเบื่อ แล้วก็เหลือบไปเห็นตู้
ลิ้นชักข้างเตียง จึงถือวิสาสะเปิดดูสักหน่อย ภายในพบจดหมายหลายฉบับ “หืมมม จดหมายรัก
หรอ” เขาพูดหลังจากที่หยิบพวกมันขึ้นมาจำนวนหนึ่งแล้วพลิกไปมาก็เห็นแต่รูปหัวใจไม่ก็สติ๊กเกอร์
หัวใจเต็มไปหมด “เสน่ห์แรงจริงนะ” เขาพึมพำแล้ววางจดหมายลงที่เดิมเลื่อนลิ้นชักปิดตามเดิม
ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดโดยเจ้าของห้อง เขาลุกขึ้นนั่งพลางยื่นมือไปข้าง
หน้า
“ห้ะ” มินกยูส่งเสียงเป็นเชิงถาม
“หนังสือออออ” วอนอูทำเสียงยานครางตอบ
“อุ้ยย ผมลืมไว้ข้างล่างน่ะ ไว้ผมจะเอาขึ้นมาให้นะ” มินกยูพูดพลางหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง
“ลงไปเอามาเลยยยย” วอนอูพูดพลางพลิกตัวมาตีหลังอีกคนเบาๆ
“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจ”
“โกหกอ่ะ ไหนบอกว่าเก็บโต๊ะเสร็จแล้วให้อ่านได้งัย” หน้าง้ำพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
“ไหนมาลุกขึ้นก่อน” มินกยูพูดพลางกลับหลังหันไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงแล้วตบเตียงเบาๆเป็นเชิงว่าให้อีกคนลุกขึ้นนั่ง แต่นอกจากอีกคนจะไม่ลุกขึ้นแล้ว ยังพลิกตัวหันหลังใส่เขาอีก
“ไม่ลุก ไม่ให้หนังสือนะ” มินกยูขู่
“เอาหนังสือมาก่อนนนน” พูดเสียงยานครางใส่
“ลุกก่อนนะครับ” พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เป็นเวลาสักพักใหญ่วอนอูก็ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งหันหน้าเข้าหาอีกคน
“ผมหวังดีนะ ที่ผมให้พี่เก็บโต๊ะทำความสะอาดเพราะว่าการนอนหลังจากกินอิ่มใหม่ๆ จะทำให้เป็นไหลย้อนนะครับ”
“แต่ตอนนี้ไม่ใหม่แล้ว” พูดพลางทำหน้ามุ่ยใส่
“ดื้อ~~” พูดพลางให้มือจัดทรงผมให้อีกคน
“ผมลงไปดูผ้าก่อนนะ อย่างเพิ่งนอนล่ะ” พูดพลางลุกจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูห้อง
“อย่าลืมหนังสือ”
“คร้าบบบบ” ส่งเสียงตอบกลับผ่านช่องประตูที่กำลังจะปิด
แม้ว่าอีกคนจะบอกห้ามไม่ให้นอน แต่แอร์เย็นๆบนเตียงนุ่มๆแบบนี้มันชวนให้เคลิ้มเสียจริง เปลือกตาที่ยากจะต้านทางแรงโน้มถ่วงของโลก กับร่างกายที่พ่ายแพ้ต่อแรงดึงดูดของเตียงนุ่ม
เจ้าของห้องที่กลับมาพร้อมกับตะกร้าผ้าที่ทำความสะอาดแล้ว อมยิ้มให้กับร่างบางที่นอนหลับปุ๋ยในท่านอนคว่ำอยู่บนเตียงของตนเอง จากนั้นก็ทำทุกอย่างด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยกลัวจะทำให้อีกคนตื่น พอจัดการกับเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ได้เวลาแกล้งคนดื้อสักที
“พี่วอนอูครับ” เสียงกระซิบที่ข้างใบหูและลำตัวของร่างสูงคร่อมอยู่เหนือร่างบางอีกครั้งแต่ครั้งนี้ระยะห่างน้อยลงกว่าครั้งก่อน
“พี่วอนอู~~”
“พี่วอนอู” เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นอีกครั้ง ร่างบางที่อยู่ภายใต้ร่างของเขายังคงหลับสนิทอยู่ในห้วงนิทรา เขาค่อยๆลดระยะห่างระหว่างร่างกายส่วนล่างลง และใช้อวัยวะที่กำลังคับแน่นอยู่ภายใต้กางเกงค่อยๆลากสัมผัสอย่างแผ่วเบาไปทั่วบั้นท้ายของอีกคน
วอนอูรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่อีกคนมอบให้ราวกับจะแกล้งเขา แต่ถ้าอีกคนรู้ว่าเขาตื่นก็ไม่สนุกน่ะสิ วอนอูเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าเด็กตัวโตจะทำอะไรต่อไป แต่ปัญหาคือเขาจะอดทนได้นานแค่ไหนกันนะ มือทั้งสองข้างของเขาจิกผ้าปูที่นอนแน่นด้วยความอดกลั้น แต่อีกคนคงไม่สังเกตเห็นเพราะเขาแอบเลื่อนมือไปไว้ข้างใต้หมอนหนุนใบใหญ่
ตอนนี้ส่วนของร่างกายที่กำลังตื่นตัวแนบชิดอยู่บนร่างของอีกคน เขาจงใจกดน้ำหนักลงไปเพื่อหวังให้อีกคนได้รู้สึก แต่เมื่อไม่เห็นว่ามีปฏิกิริยาใดๆ จึงกดน้ำหนักเบียดลงไปที่หว่างขาของอีกคน
แม้จะเป็นแค่แรงเสียดสีผ่านเนื้อผ้าแต่นั่นก็ทำให้วอนอูขนลุกไปทั้งตัว จนเกือบจะหลุดเสียงออกมา เค้ากัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น และหวังว่าอีกคนจะไม่ทันสังเกตเห็น การขยับส่วนล่างเบาๆทำให้เกิดการสัมผัสของอวัยวะชนิดเดียวกัน
“อื้อ~~~” วอนอูเผลอส่งเสียงออกมา แต่ยังคงหลับตา ก่อนที่จะขยับขาทั้งสองข้างออกห่างจาก
กันมากขึ้น
ทันทีที่ได้ยินเสียงของอีกคนมินกยูหยุดการกระทำ เขาใช้แขนยันตัวขึ้นแล้วมองดูอีกคนอยู่เฉยๆ
จนเห็นว่าอีกคนไม่มีปฎิกิริยาใดๆแล้ว เขาก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นทันที
“สัมผัสผ่านเนื้อผ้าหรือจะสู้...”
กางเกงตัวนอกและตัวในของเขาถูกถอดกองไว้ที่ข้างเตียงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากไฟทุกดวงใน
ห้องและผ้าม่านถูกปิดลง เขาเดินกลับมาที่เตียงมองดูร่างที่ยังคงหลับใหล ก่อนก้มลงสูดความหอม
ที่ซอกคอขาว วอนอูสะดุ้งเล็กน้อยเพราะสัมผัสที่อีกคนมอบให้แต่เขาก็แค่ขยับตัวเล็กน้อย
ขาที่ขยับออกห่างกันเมื่อครู่ราวกับเป็นการเชิญชวน มือหนาลอดผ่านขากางเกงบ๊อกเซอร์ของคนหลับ
สัมผัสเข้ากับผิวเนียนไล่ตั้งแต่ต้นขาค่อยๆเลื่อนขึ้นไปจนถึงสะโพกมน ก่อนขึ้นคร่อมบนร่างบางอีกครั้ง
เหมือนกันกับก่อนหน้านี้ เขาจงใจกดน้ำหนักของส่วนอ่อนไหวลงไปบนบั้นท้ายของอีกคน ก่อนค่อยๆ
เคลื่อนมายังหว่างขาไปสัมผัสกับอวัยวะเดียวกัน
วอนอูหลับตาแน่น แม้ว่าจะเป็นสัมผัสที่เหมือนกันกับก่อนหน้านี้แต่ในครั้งนี้มันทำให้เขารู้สึกมากกว่า
ครั้งก่อน จนแทบจะกลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่ได้ สัมผัสที่แนบชิดและอุ่นมากขึ้นกว่าเดิมเขารู้สึกได้ถึง
ความชื้นที่เกิดขึ้นภายใต้กางเกงบ๊อกเซอร์
“ก็แล้วทำไมไม่ถอดมันออกซะล่ะ” อย่างกับอ่านความคิดออก ไม่นานนักกางเกงตัวเดียวที่เขาสวมอยู่
ก็ถูกโยนลงไปกองอยู่ข้างเตียง
“งื้อ~~” วอนอูส่งเสียงพลางขยับตัวเล็กน้อย ขาที่เคยเหยียดตรงทั้งสองข้างตอนนี้ข้างหนึ่งงอขึ้น
เผยให้เห็นอวัยวะสองลูกอย่างชัดเจน มินกยูหยุดการกระทำไว้ รอจนอีกคนนิ่งไปอีกครั้งแล้วจึงใช้นิ้ว
ชี้และนิ้วกลางของมือข้างที่ถนัดค่อยๆลูบไล้ไปยังอวัยวะสองลูกนั้น จากสองนิ้วเป็นสามนิ้วค่อยๆถูวนอยู่
อย่างนั้นก่อนออกแรงบีบเบาๆ จนอีกคนสะดุ้งเล็กน้อยแล้วส่งเสียงในลำคอออกมา “งือ~~งื้อ~~” พอ
เห็นดังนั้นก็ยิ่งนึกอยากจะแกล้งอีกคน จึงออกแรงบีบซ้ำๆและเสียงจากในลำคอของอีกคนก็ดังขึ้นทุก
ครั้งที่เขาออกแรงบีบ “อือ~~อื้ออ~~”
“อ๊ะ!! อ๊าาาา” ส่งเสียงร้องเสียงดังเมื่อฝ่ามือหนาออกแรงบีบเต็มแรง วอนอูยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“ทะ..ทำอะไร มินกยู” พูดพลางผลักปลายแขนของอีกคนที่ยังคงเกาะกุมอวัยวะสองลูกของเขาอยู่
“อยากรู้หรอครับ มานี่สิครับเดี๋ยวจะทำให้ดู” ไม่พูดเปล่าแต่ขยับตัวไปนั่งคุกเข่าอยู่หลังอีกคนก่อนใช้
มือข้างหนึ่งคว้าเอวคอดให้ลุกขึ้นนั่งในท่าเดียวกันบนหน้าขาของตัวเอง
“ก็ทำแบบนี้ไงครับ” กระซิบข้างหูก่อนใช้มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปภายในเสื้อยืดตัวบางของอีกคนก่อน
ลูบไล้ทั่วหน้าท้องแบนราบค่อยๆเลื่อนขึ้นไปยังแผงอก พลางสูดความหอมที่ซอกคอขาว ก่อน
ออกแรงบีบเค้นที่ยอดอกโดยนิ้วชี้และนิ้วโป้ง จนอีกคนแอ่นอกขึ้นอย่างลืมตัวพร้อมเสียงที่เปล่งออกมา
“อื๊อ~~”
ถอดอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของอีกคนออก มือทั้งสองข้างจับเข้าที่สะโพกมน ลูบไล้ลงมายังต้นขาด้านใน
ขยับให้ขาทั้งสองของอีกคนออกห่างจากกันมากขึ้น แล้วมือข้างที่ถนัดก็กอบกุมส่วนอ่อนไหวของอีกคน
อย่างเบามือ นิ้วห้วแม่มือสัมผัสไปที่ส่วนปลาย แม้เพียงสัมผัสก็ทำให้อีกคนถึงกับสะดุ้ง
สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นของของเหลวที่เอ่อออกมาจากทางส่วนปลาย ยกยิ้มมุมปากอีกครั้งก่อนจับ
ส่วนอ่อนไหวถูวนไปทั่วฝ่ามือหนา “อ๊ะ อ๊าา มินกยู” ส่งเสียงร้องออกมาพลางคว้าแขนแกร่งของอีก
คนก่อนออกแรงบีบ
หน้าท้องเกร็งจนรู้สึกเจ็บกอปรกับความรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัวจนหายใจติดขัด คนถูกกระทำถึงกับทรุด
ลงไปจนต้องใช้สองแขนพยุงร่างเอาไว้ เขาก้มหน้าหายใจถี่ได้ไม่นานนัก สะโพกมนของก็ถูกมือหนา
จับยกขึ้นก่อนที่จะส่งสิ่งรุกล้ำเข้ามาผ่านช่องทางแบบไม่ทันได้ตั้งตัว รู้สึกจุกจากการเข้ามาแบบในคราว
เดียว “อ๊ะ~~” เขาอุทานออกมา พลางกำมือแน่น “ชู่วว~~อย่าเกร็งสิครับ” อีกคนกระซิบข้างหูก่อน
มอบจูบอ่อนโยนเพื่อหวังให้ผ่อนคลายลง ก่อนค่อยๆขยับสะโพกออกอย่างเนิบนาบ แล้วขยับเข้ามา
แบบสุดแรง ทุกๆการขยับทำให้เกิดเสียงที่ส่งผ่านจากในลำคอออกมา เสียงที่สื่อถึงความพึงพอใจ คน
กระทำ กระทำซ้ำๆอยู้อย่างนั้นจนรู้สึกว่าอีกคนเหมือนจะทนต่อไปไม่ไหว “อ๊ะ~~อื้อออ~~” เสียงที่ส่ง
ออกมากับแขนที่เคยยันตัวไว้ค่อยๆทรุดลง
เขาหยุดการกระทำก่อนที่จะจับอีกคนให้นอนตะแคงข้างแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆอีกคน“เปียกหมดแล้วนะ
ครับ” พูดหลังจากที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวของอีกคนไว้ในมือหนา ก่อนที่จะค่อยๆเคลื่อนไวมือขึ้นลง
ช้าๆแล้วเร่งจังหวะจนอีกคนคว้าผ้าปูที่นอนมากำไว้แน่น “พี่วอนอู~~” กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูก่อนขบ
เม้นเบาๆที่ใบหูนั้น “งื้ออ~~” อีกคนย่นคอลงพลางส่งเสียงในลำคอ “พี่มีเวลาให้ผมทั้งคืนมั้ยครับ”
อีกคนไม่ตอบอะไรเพียงแค่มุดหน้าลงไปบนหมอนนุ่ม
เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบหากแต่เป็นประโยคที่ต้องการสื่อสารบางอย่างให้กับอีกคนได้รู้ก็เท่านั้น
...
To Be Continued…
minwon fiction by @Serenity1707
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น