Resist Chapter 16 [Minwon Fiction]

Resist Chapter 16

“พี่วอนอู...พี่วอนอูครับ”
“...” อีกคนที่ยังคงหลับเพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อย
“พี่วอนอูตื่นได้แล้วครับ เช้าแล้วครับ”

เมื่อเห็นว่าอีกคนยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นจึงค่อยๆเปิดผ้าห่มออกเพื่อที่จะพยุงร่างที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาให้ลุก
ขึ้น แต่เมื่อผ้าห่มที่ปกคลุมร่างอันเปลือยเปล่าไว้ถูกเปิดออก เจ้าตัวก็ส่งเสียงร้องออกมากับสิ่งที่เห็น
ตรงหน้า
“ห๊าาาา”
“หืมมมม ทำไมเสียงดังแต่เช้า” วอนอูที่ตื่นเพราะตกใจเสียงของอีกคนถามด้วยความงัวเงีย
“พี่...” น้ำเสียงที่แผ่วลงด้วยความรู้สึกผิด
วอนอูค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่พอขยับตัวได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องออกมา “อ๊ะ”
ร้องพลางคลำไปที่ไหล่และแขนของตัวเอง
“ฮือออ พี่วอนอู ผมขอโทษนะ” มินกยูพูดพลางคุกเข่าลงกับพื้น
“หืมมม”
“พี่จะตีผมก็ได้นะ” พูดพลางก้มหน้ายื่นหัวไปใกล้อีกคน
“ทำไมล่ะ” วอนอูถามกลับ
“ก็ผมทำให้พี่เจ็บ ผมขอโทษนะ ตีผมเลยจะตีแรงเท่าไร กี่ทีก็ได้นะ”
“ทำไมต้องตีนายด้วยล่ะ”
“ก็ผมรู้สึกผิด แล้วก็กลัวว่าพี่จะโกรธผม”
“งั้นขอไม้เรียวหน่อยสิ”
“ห้ะ...ไม้...ไม้เรียวหรอครับ”
“อื้ม..นายมีไหมล่ะ”
“เอ่อคือ..คือผมมะ...ไม่มี..ตะแต่ว่าเดี๋ยวผมจะไปหามาให้นะครับ” พูดพลางทำท่าจะลุกออกไป

“มานี่สิ” วอนอูพูดพลางตบที่ว่างข้างๆตัวเบาๆ
“ครับ?”
“มานั่งตรงนี้สิ”
มินกยูทำตามอย่างว่าง่าย นั่งลงข้างๆอีกคนพลางหลับตาปี๋ เพราะคิดว่าอีกคนคงจะตีเขาเป็นแน่

เขาย่นคอลงเพราะมือที่วางลงบนหัวของเขา แต่มือนั้นไม่ได้จะตีเขาอย่างที่เขาคิดเพียงแค่วางมือลง
อย่างแผ่วเบาแล้วยีผมของเขาเบาๆเท่านั้น เขาค่อยๆลืมตาขึ้น
“พี่ไม่ตีผมแล้วหรอ”
“ใครบอกจะตีนายกัน”
“ผมก็คิดว่าพี่จะตีผมซะอีก”
วอนอูหยิกแก้มคนตัวโตไปหนึ่งทีพลางอมยิ้ม
“แล้วยังสงสัยอะไรอยู่ไหม” วอนอูถาม
ส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่มีแน่นะ”
“เอ่อออออ คือมันก็...”
“หืม..ตกลงว่าจะมีหรือไม่มี”
“มันก็...อันที่จริงก็...” อึกอักไม่กล้าที่จะพูดออกไป
“อ่ะ ว่ามา”
“ก็เรื่องพี่กับคนนั้น แล้วทำไมพี่ต้องโกหก แล้วทำไมเข็มขัด แล้วก็...” พออีกคนเปิดโอกาสก็รัว
คำถามชุดใหญ่
“เดี๋ยวๆ ขอทีละคำถาม”
“ก็พี่กับคนนั้นยังงัยอ่า”
“เป็นเพื่อนกัน เค้ามาแลกเปลี่ยน พูดเกาหลีไม่ค่อยได้เลยไม่ค่อยรู้จักใครที่เกาหลีก็แค่นั้น”
มินกยูพยักหน้ารับรู้
“ส่วนเรื่องเข็มขัดจำไม่ค่อยได้แต่คิดว่าน่าจะถอดแล้วฝากไว้ตอนที่ไปกินบุฟเฟ่ต์”
มินกยูพยักหน้ารับรู้แต่ก็ยังไม่วายทำหน้างอ
“ผมจะเชื่อพี่ก็ได้ แต่ต่อไปจะไปไหนกับผู้ชายสองต่อสองต้องบอกผมนะ”
วอนอูอมยิ้มให้กับเจ้าเด็กตัวโตที่ทำตัวงอแงแต่เช้า
“นายก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” เขาพึมพำเบาๆหลังจากที่ไล่อีกคนให้ไปอาบน้ำ
“แล้วพี่ล่ะ”
“หืม”
“งั้นพี่อาบก่อนดีกว่า เดี๋ยวผมไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องมาให้”
“ไม่ต้องหรอก เดินกลับห้องแปบเดียวเอง”
“แต่เสื้อพี่ขาดหมดแล้วอ่ะ จะไปยังงัยอ่า ผมไม่ให้พี่โป๊ออกไปหรอกนะ”
“ก็ได้ๆ” ว่าพลางอมยิ้มรับผ้าขนหนูมาจากอีกคน

มินกยูเพิ่งกลับมาจากห้องของอีกคน เป็นเวลาเดียวกันกับที่วอนอูเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
“เวลาพี่เดินออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเนี่ย ดูเซ็กซี่จังเลยนะครับ”
“พูดอะไรของนาย ขอเสื้อผ้าหน่อยสิ”
“มาๆเดี๋ยวผมแต่งตัวให้” พูดพลางเดินเข้าไปใกล้ก่อนจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากของอีกคน จนอีกคนสะดุ้ง
ด้วยความตกใจ
“อะไรของนายเนี่ย”
“ก็พี่เซ็กซี่อ่ะ”
“ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก”วอนอูไล่อีกคนแก้เขิน
“เดี๋ยวแต่งตัวให้พี่ก่อน”
“แต่งเองได้น่า”
“ก็ผมอยากแต่งให้พี่นี่หน่า”
“ก็ได้ๆ” ต้องยอมให้กับความงอแงของอีกคนไม่อย่างนั้นคงจะไปเรียนสายกันทั้งคู่
เริ่มจากสวมเสื้อกล้ามสีขาวตัวใน ที่เจ้าตัวบอกว่าไม่จำเป็นต้องใส่แต่อีกคนอยากให้ใส่
“ก็เสื้อมันบาง จะไม่ใส่ได้ยังงัย”
“ทีนายยังไม่ใส่เลย”
“ก็มันไม่เหมือนกัน พี่ต้องใส่นะ”
เกิดบทสนทนาที่ดูเหมือนว่าจะยังหาข้อสรุปไม่ได้ง่ายๆ แต่จู่ๆวอนอูก็นึกขึ้นมาได้ว่าบางทีเสื้อกล้ามตัว
ในคงปกปิดรอยช้ำตามลำตัวเขาได้บ้างจึงยอมทำตาม
พอสวมเสื้อเชิ้ตก็จัดแจงติดกระดุมให้เสร็จสรรพ จากนั้นก็คุกเข่าลงไปเพื่อจะสวมกางเกงให้อีกคน
“พี่เอามือจับไหล่ผมไว้ แล้วยกขาขวาก่อนนะครับ”

พอลองมานึกๆดูนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาทำอะไรแบบนี้ให้กับเขา เจ้าเด็กมินกยูนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ

“เวลาใส่ชุดนักศึกษาก็ต้องเอาเสื้อเข้าข้างในด้วยนะครับ” ว่าพลางจัดแจงสอดมือเข้าไปในเอวกางเกง
เพื่อดึงชายเสื้อลงไป
“อยู่แล้วน่า”
“เจ็บหรือเปล่าครับ” เขากระซิบถามหลังจากที่มือของเขาไปสัมผัสเข้ากับอวัยวะที่อยู่ภายใต้กางเกงชั้น
ใน
“หืม” คิ้วที่ยกสูงขึ้นกับดวงตาที่เบิกโพรงด้วยความประหลาดใจเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะถามอะไรแบบนี้

“ตรงนี้น่ะ เจ็บหรือเปล่าครับ”
“แต่งตัวเสร็จแล้ว นายก็ไปอาบน้ำได้แล้ว” พูดพลางเดินถอยห่างจากอีกคนแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวส่งให้
“แล้วพี่...” กำลังจะถามอีกเพื่อทวงคำตอบ แต่อีกคนก็รีบขัดขึ้น
“เดี๋ยวก็สายหรอก ไปอาบเร็วๆเลย ถ้าช้าไม่รอนะ”
“คร้าบบบ” ขานรับพลางเดินเข้าห้องน้ำไป
วอนอูถอนหายใจพลางทรุดตัวลงนั่ง “ถามอะไรแบบนี้ล่ะ เด็กบ้า”

“พี่วอนอู~~วันนี้ขอเดินไปมหาวิทยาลัยพร้อมกันนะ”
“อืม” วอนอูตอบรับสั้นๆขณะกำลังสวมรองเท้า ก่อนออกจากห้อง
พอได้ยินแบบนั้นก็แอบยิ้มดีใจ
“แต่เดินห่างๆนะ แล้วก็แยกกันก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยด้วย”
พอได้ยินประโยคหลังก็แอบทำหน้างอ
ตลอดทางเดินไปมหาวิทยาลัย มินกยูเดินยิ้มด้วยความอารมณ์ดีที่วันนี้เขาได้เดินข้างๆพี่วอนอูสักที
แม้ว่าจะไม่ได้เดินใกล้ๆกันก็เถอะ
“ไปได้แล้ว” วอนอูพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย
“ไล่อ่ะ”
“เราคุยกันแล้วนะ”วอนอูทำหน้าดุใส่อีกคน
“คร้าบ คร้าบ ไว้เลิกเรียนแล้วผมโทรหานะ”
วอนอูพยักหน้ารับแล้วรีบเดินไป

“วันนี้ดูเพลียๆนะ นอนไม่หลับหรอ” ซึงซอลที่เพิ่งมาถึงพูดขึ้นพลางนั่งลงที่นั่งข้างๆเพื่อนสนิท
“เปล่า”
“นั่นแน่ ไม่ได้นอนอ่ะดิ” ได้ทีแซวเพื่อน
“อะไร อะไร” วอนอูทำตาขวางใส่
พอเห็นแบบนั้นก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “วันนี้ไปที่ร้านหน่อยสิ” พูดพลางยกแขนขึ้นคล้องคออีกคน
“อ๊ะ!” วอนอูร้องออกมาเพะราะรู้สึกเจ็บที่ไหล่ขวา
“เป็นไรอ่ะ เจ็บหรอ ใครทำบอกมา” ซึงซอลกับน้ำเสียงและท่าทีที่จริงจัง
“อื้อ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก อาจารย์มาแล้ว”
ซึงซอลที่กำลังจะเปิดคอเสื้อของวอนอูดูแต่ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียน
พอดี

ซึงซอลลอบมองวอนอูตลอดทั้งคลาส ปกติวอนอูจะตั้งใจเรียนและจดจ่อกับการจดลงสมุดมากแต่วันนี้
เขาจดไม่ทันอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็ดูเพลียๆแบบผิดปกติ แถมยังใส่เสื้อกล้ามตัวในทั้งๆที่ไม่เคยใส่ และ
ติดกระดุมเสื้อมิดชิดอีกต่างหาก
“ไปกินข้าวกัน” ซึงซอลพูดขึ้นทันทีที่เลิกคลาส
“นายไปกันเถอะ ไม่ค่อยหิวอ่ะ”
“แล้วนายจะไปไหน”
“ว่าจะกลับห้องน่ะ วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว”
ซึงซอลอาศัยจังหวะที่วอนอูกำลังเก็บของลงกระเป๋าเปิดคอเสื้อเชิ้ตดูจึงเห็นรอยช้ำที่คอและไหล่ วอนอู
ตกใจรีบดึงเสื้อออกจากมือของอีกคนแล้ว ดึงขึ้นมาปิดส่วนคอไว้ตามเดิม
“ป่ะ” ซึงซอลคว้าข้อมือของวอนอูแล้วพาออกจากห้องไป

“มีอะไรจะเล่าไหม” ซึงซอลพาวอนอูมาที่ห้องชมรมของเขาและถามทันทีที่ประตูห้องชมรมถูกปิดลง

“ก็ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไร แล้วรอบที่คอกับไหล่นั่นล่ะ”
“ไม่มีอะไรมาก นายไม่ต้องห่วงหรอก”
“ใคร”
“ช่างเถอะ”
“ใครทำ บอกชื่อมันมา”
“ใจเย็นๆก่อน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“ขนาดนี้แล้วยังบอกไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกหรอ” ซึงซอลพูดพลางเปิดดูรอยนั่นอีกครั้ง แล้วพินิจดูใกล้ๆ
จึงพบว่าเหมือนเป็นรอยฟันมากกว่ารอยชกต่อย
“ไม่เป็นไรจริงๆ ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“มีตรงไหนอีก” พูดพลางพยายามจะเปิดเสื้อดู แต่วอนอูก็ปัดป้องไว้
“ไม่มีแล้ว มีแค่นี้เอง ไม่เป็นไรจริงๆ มันอาจจะดูเจ็บแต่จริงๆไม่ได้เจ็บอะไรมากเลยนะ” เขาพูดเพื่อ
ให้อีกคนสบายใจ
“วอนอู นายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ ถ้ามีอะไรนายจะมาเล่าตลอดนายไม่เคยปิดบังอะไรกับฉัน
เลยนะ แต่ทำไมนาย...” เขาหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นแล้วถอนหายใจออกมา
“เอาเป็นว่าขอเวลาหน่อยแล้วกันนะ”
“นานแค่ไหน แล้วทำไมนายต้องปิดหรือนายจะปกป้องมัน”
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้จริงๆ ขอให้แน่ใจก่อนแล้วเดี๋ยวมาบอก แต่นายต้องสัญญาก่อนว่านายจะใจเย็นๆ
ลงก่อน”
“แล้วถ้ามัน...”
“ไม่เชื่อใจกันหรอ” วอนอูพูดด้วยเสียงเรียบและจ้องตาเพื่อนสนิท
“ก็ได้ๆฉันจะรอ แต่!!ถ้านายไม่โอเค นายต้องรีบบอกทันทีนะ แล้วก็พกโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา
ถ้ามีอะไรหรือรู้สึกไม่โอเคกดปุ่มฉุกเฉินที่เคยตั้งไว้ให้ทันทีเลยนะ”
“ยังขี้โวยวานเหมือนเดิมเลยนะ” วอนอูแซวเพื่อนตัวเองพลางอมยิ้ม
“เห็นนายยิ้มค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอกลับห้องก่อนนะ ง่วงมากเลย”
“ให้ไปส่งไหม”
“ไม่ล่ะ”
“เดี๋ยวไปส่ง” พูดพลางจับไหล่อีกคน
“อ๊ะ” วอนอูร้องด้วยความเจ็บ
“เฮ้ยย ลืมตัว ขอโทษนะ แล้วนี่นายใส่ยาหรือยัง”
“กำลังจะกลับไปใส่ นายไม่ต้องไปส่งหรอก เดี๋ยวจะไปแวะห้องสมุดด้วย”
“เอางั้นจริงหรอ”
“อื้อ ไปล่ะ อย่าลืมกินข้าวกลางวันนะ” พูดพลางโบกมือลาก่อนเดินออกจากห้องไป

เขาเดินออกจากมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้แวะห้องสมุดอย่างที่บอกซึงซอลไว้ เขาเพียงแค่ไม่อยาก
รบกวนเพื่อนและอีกอย่างถ้าบังเอิญมินกยูมาเห็นก็ต้องมาตอบคำถามกันอีก เขาเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ระหว่างทางเดินจากมหาวิทยาลัยไปยังหอพัก

ซึงซอลยังคงเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็แทบจะอ่านเขาออกหมดทุกเรื่อง แล้วก็เป็นเพื่อที่
คอยปกป้องเขามาโดยตลอดตั้งแต่เด็กๆ พวกเขาสองคนไม่เคยมีความลับต่อกันแต่เรื่องนี้เขาเองก็ยัง
คงไม่แน่ใจนักว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เขาไม่รู้จะบอกเรื่องนี้กับอีกคนอย่างไร
ดี ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนก่อนดี เขาเพียงต้องการเวลาเพื่อที่จะพิสูจน์บางอย่าง แต่ตอนนี้เขาภาวนาขอ
ให้ซึงซอลเดาไม่ออกว่าใครก็พอ



To Be Continued…

minwon fiction by @Serenity1707

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม