Just Acting No.2
Just Acting No.2
“กว่าจะรับสายได้นะเรา โทรเป็นสิบๆรอบแล้วเนี่ย” เสียงและท่าทีที่ดูร้อนรนของผู้จัดการ
“กว่าจะรับสายได้นะเรา โทรเป็นสิบๆรอบแล้วเนี่ย” เสียงและท่าทีที่ดูร้อนรนของผู้จัดการ
ที่พยายามติดต่อกับคนที่เข้าต้องดูแล
“ครับ มีอะไรครับ โทรมาแต่เช้าเลย” น้ำเสียงงัวเงียที่รับสายแล้วกรอกเสียงลงไป
“เช้าอะไรกัน นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ อยู่ห้องใช่ไหมอีก 15 นาทีเดี๋ยวไปหา แค่นี้นะ” รีบ
“ครับ มีอะไรครับ โทรมาแต่เช้าเลย” น้ำเสียงงัวเงียที่รับสายแล้วกรอกเสียงลงไป
“เช้าอะไรกัน นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ อยู่ห้องใช่ไหมอีก 15 นาทีเดี๋ยวไปหา แค่นี้นะ” รีบ
ตัดบทก่อนที่จะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
15 นาทีต่อมา
“ตื่นแล้วหรอคะ คุณชายกว่าจะติดต่อได้นะคะ"
"มีอะไรหรอครับ"
"อ่านบทหรือยัง"
"หืม...เอ็มวี อ่ะหรอครับ มีบทด้วยหรอ ปกติก็ไม่มีอยู่แล้วนี่ครับ"
"หมายถึงเนื้อเรื่องน่ะ นายควรอ่านนะ"
"ไว้ค่อยอ่านแล้วกันครับ" พูดพลางเหลือบมองเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะกลางห้องรับแขก
15 นาทีต่อมา
“ตื่นแล้วหรอคะ คุณชายกว่าจะติดต่อได้นะคะ"
"มีอะไรหรอครับ"
"อ่านบทหรือยัง"
"หืม...เอ็มวี อ่ะหรอครับ มีบทด้วยหรอ ปกติก็ไม่มีอยู่แล้วนี่ครับ"
"หมายถึงเนื้อเรื่องน่ะ นายควรอ่านนะ"
"ไว้ค่อยอ่านแล้วกันครับ" พูดพลางเหลือบมองเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะกลางห้องรับแขก
"เดี๋ยวนะครับ นี่คือเรื่องที่โทรหาผมแต่เช้าอ่ะนะ"
"มันก็ไม่เชิงอ่ะ"
"สรุปว่า..."
"ทางกองจะเลื่อนมาถ่ายวันพรุ่งนี้แทน"
"ห้ะ อยู่ดีๆจะมาเลื่อนง่ายๆอย่างนี้นี่นะ ยืนยันวันเดิมครับ"
"แต่พรุ่งนี้ ไม่สิ ตั้งแต่วันนี้จนถึงปีใหม่ ตารางงานของนายก็ว่างนะ"
"ก็ใช่ครับ แต่ผมต้องการพักผ่อนนี่"
"แต่วันนี้นายก็ได้พักแล้วนี่งัย"
"พักที่ไหนกัน ผมโดนโทรปลุกแต่เช้า และมานั่งคุยเรื่องงานอยู่ตอนนี้"
โอ๊ยยยย ฉันละปวดหัว ...
"แต่ถ้าไปกองพรุ่งนี้นายก็จะได้หยุดยาวไปหลังปีใหม่เลยนะ" พยายามเกลี่ยกล่อม
"ผมยังไม่พร้อมอ่ะ ก็พี่บอกเองว่าผมต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ดูสิครับ หน้าผมโทรมไป
หมดละ"
"แต่ฉันรับปากเขาไปแล้วล่ะ"
"ห้ะ ว่าไงนะครับ"
"คอนเฟริมไปแล้ว"
"ทำไมพี่ไม่ถามผมก่อน"
"ก็ฉันติดต่อนายไม่ได้แล้วทั้งกองเขารอคำตอบจากเราคนเดียว"
"งั้นผมยกเลิกงานนี้"
"นี่...มีเหตุผลหน่อยสิ"
"ทีพี่ยังไม่เห็นมีเลย"
เจนนี่ สูดหายใจเข้าลึกๆอย่างอดกลั้นแล้วเดินออกไปจากห้องรับแขกครู่หนึ่งก่อนเดิน
"แต่ฉันรับปากเขาไปแล้วล่ะ"
"ห้ะ ว่าไงนะครับ"
"คอนเฟริมไปแล้ว"
"ทำไมพี่ไม่ถามผมก่อน"
"ก็ฉันติดต่อนายไม่ได้แล้วทั้งกองเขารอคำตอบจากเราคนเดียว"
"งั้นผมยกเลิกงานนี้"
"นี่...มีเหตุผลหน่อยสิ"
"ทีพี่ยังไม่เห็นมีเลย"
เจนนี่ สูดหายใจเข้าลึกๆอย่างอดกลั้นแล้วเดินออกไปจากห้องรับแขกครู่หนึ่งก่อนเดิน
กลับเข้ามา
"ตามนี้แล้วกันเนอะ ช่วยๆเจ้หน่อยนะวอนอู ถ้าเรายกเลิกไปเราจะดูไม่เป็นมืออาชีพนะ"
"ตามนี้แล้วกันเนอะ ช่วยๆเจ้หน่อยนะวอนอู ถ้าเรายกเลิกไปเราจะดูไม่เป็นมืออาชีพนะ"
"แต่ผมยังไม่พร้อม"
"ไม่ต้องห่วงทีมนี้ มืออาชีพเขาสามารถอธิบายให้นายเข้าใจและเข้าถึงได้ง่ายๆเลย
"ไม่ต้องห่วงทีมนี้ มืออาชีพเขาสามารถอธิบายให้นายเข้าใจและเข้าถึงได้ง่ายๆเลย
แหละ"
"แต่..." ยังไม่ทันจะได้พูดต่อ
"ส่วนเรื่องผิวหน้า รอแปบ เดี๋ยวมาบริการถึงที่เลย ไม่ต้องห่วงนะจ้ะ"
"แล้ว..."
"เอาล่ะ..นายมีเวลา 10 นาทีในการอาบน้ำแต่งตัวให้ดูดี ก่อนที่ทีมสปาผิวจะมา" พูด
"แต่..." ยังไม่ทันจะได้พูดต่อ
"ส่วนเรื่องผิวหน้า รอแปบ เดี๋ยวมาบริการถึงที่เลย ไม่ต้องห่วงนะจ้ะ"
"แล้ว..."
"เอาล่ะ..นายมีเวลา 10 นาทีในการอาบน้ำแต่งตัวให้ดูดี ก่อนที่ทีมสปาผิวจะมา" พูด
พลางผายมือเป็นเชิงบอกให้อีกคนเดินเข้าห้องไป
ถอนหายใจและทรุดตัวลงนั่งทันทีที่เจ้าตัวดื้อเดินเข้าห้องไป
คอร์สบำรุงผิวหน้าได้จบลงด้วยความพึงพอใจของคุณผู้จัดการ
"ผิวใสมากกกก ดูออร่าสุด เห็นไหมเจ้บอกแล้ว เจ้านี่ไม่ทำให้ผิวหวัง" พูดพลางสำรวจดู
ถอนหายใจและทรุดตัวลงนั่งทันทีที่เจ้าตัวดื้อเดินเข้าห้องไป
คอร์สบำรุงผิวหน้าได้จบลงด้วยความพึงพอใจของคุณผู้จัดการ
"ผิวใสมากกกก ดูออร่าสุด เห็นไหมเจ้บอกแล้ว เจ้านี่ไม่ทำให้ผิวหวัง" พูดพลางสำรวจดู
ผิวหน้าของ อีกคนซ้ายทีขวาที
"ขอบคุณมากเลยนะคะ ไว้วันหลังจะพาน้องไปทำคอร์สเต็มที่ร้านนะคะ"
"ขอบคุณเช่นกันค่ะ ไว้เจอกันที่ร้านนะคะ" พนักงานกล่าวก่อนเอ่ยคำลาแล้วเดินออกจาก
"ขอบคุณมากเลยนะคะ ไว้วันหลังจะพาน้องไปทำคอร์สเต็มที่ร้านนะคะ"
"ขอบคุณเช่นกันค่ะ ไว้เจอกันที่ร้านนะคะ" พนักงานกล่าวก่อนเอ่ยคำลาแล้วเดินออกจาก
ห้องไป
"เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับตอนหกโมงเช้านะ จะเอาชาเขียวหรือลาเต้"
"ขอเป็นลาเต้เพิ่มนมดีกว่าครับ"
"เฮ่อ...ไม่ยอมตกลงก็ต้องใช้วิธีมัดมือชกแบบนี้แหละ หวังว่าพรุ่งนี้คงจะว่าง่ายกว่านะ"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับตอนหกโมงเช้านะ จะเอาชาเขียวหรือลาเต้"
"ขอเป็นลาเต้เพิ่มนมดีกว่าครับ"
"เฮ่อ...ไม่ยอมตกลงก็ต้องใช้วิธีมัดมือชกแบบนี้แหละ หวังว่าพรุ่งนี้คงจะว่าง่ายกว่านะ"
นึกพลางเดินออกจากห้องไป
วันต่อมา.....
"ไกลไหมครับ" วอนอูถามทันทีที่เข้าไปนั่งในรถ
"ก็นิดนึงนะ เป็นบ้านที่อยู่แถบชานเมือง แต่ไม่ไกลมากหรอก"
"อ่อ ครับ"
"เอ่อ แล้วก็เรื่องนี้น่ะนะ นายต้องแสดงคู่กับ... วร๊ายยย ขับรถอะไรแบบนี้เนี่ย" อุทาน
วันต่อมา.....
"ไกลไหมครับ" วอนอูถามทันทีที่เข้าไปนั่งในรถ
"ก็นิดนึงนะ เป็นบ้านที่อยู่แถบชานเมือง แต่ไม่ไกลมากหรอก"
"อ่อ ครับ"
"เอ่อ แล้วก็เรื่องนี้น่ะนะ นายต้องแสดงคู่กับ... วร๊ายยย ขับรถอะไรแบบนี้เนี่ย" อุทาน
พลางเหยียบเบรคเมื่อรถคันหน้าเบรคกระทันหัน
"เหมือนจะมีอุบัติเหตุข้างหน้านะครับ" พูดพลางชะเง้อมองไปข้างหน้า
ทั้งสองตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเพื่อเลี่ยงถนนที่เกิดอุบัติเหตุ และเพราะเป็นเส้นทางที่
"เหมือนจะมีอุบัติเหตุข้างหน้านะครับ" พูดพลางชะเง้อมองไปข้างหน้า
ทั้งสองตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเพื่อเลี่ยงถนนที่เกิดอุบัติเหตุ และเพราะเป็นเส้นทางที่
ไกลกว่าจึงทำให้มาถึงช้าไปสิบนาที
"ขอโทษด้วยนะคะ เจออุบัติเหตุบนถนนเลยต้องเปลี่ยนเส้นทาง" กล่าวทันทีที่มาถึง
"ขอโทษด้วยนะคะ เจออุบัติเหตุบนถนนเลยต้องเปลี่ยนเส้นทาง" กล่าวทันทีที่มาถึง
สถานที่นัดหมาย
"แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ทีมงานคนหนึ่งถามขึ้น
"ไม่เป็นอะไรค่ะ คันอื่นน่ะค่ะ"
"โล่งอกไปที มาค่ะ มาแต่งหน้าทำผมกันนะคะน้องวอนอู" ทีมช่างแต่งหน้าที่เดินออกมา
"แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ทีมงานคนหนึ่งถามขึ้น
"ไม่เป็นอะไรค่ะ คันอื่นน่ะค่ะ"
"โล่งอกไปที มาค่ะ มาแต่งหน้าทำผมกันนะคะน้องวอนอู" ทีมช่างแต่งหน้าที่เดินออกมา
รับพูดพลางพาเข้าไปด้านในห้องแต่งตัว
เมื่อสถานที่พร้อม อุปกรณ์พร้อม นักแสดงพร้อม ผู้กำกับก็เรียกนักแสดงมาเพื่อบรีฟงาน
เมื่อสถานที่พร้อม อุปกรณ์พร้อม นักแสดงพร้อม ผู้กำกับก็เรียกนักแสดงมาเพื่อบรีฟงาน
อีกครั้งก่อนเดินกล้อง เวลานั้นเองที่ทำให้วอนอูได้พบกับนักแสดงอีกคนที่เขาจะต้องร่วม
งานด้วยในวันนี้
"สวัสดีครับ คุณวอนอู เจอกันอีกแล้วนะครับ"
"คิม มินกยู ไอ้คนขี้เก๊ก ทำไมถึงเป็นไอ้หมอนี่ล่ะ” วอนอูนึกพลางยิ้มเฝื่อน
"อ้าว รู้จักกันแล้วหรอ อย่างนั้นก็ดีเลย" ผู้กำกับพูดพลางตบเบาๆที่ต้นแขนของทั้งคู่ ก่อน
"สวัสดีครับ คุณวอนอู เจอกันอีกแล้วนะครับ"
"คิม มินกยู ไอ้คนขี้เก๊ก ทำไมถึงเป็นไอ้หมอนี่ล่ะ” วอนอูนึกพลางยิ้มเฝื่อน
"อ้าว รู้จักกันแล้วหรอ อย่างนั้นก็ดีเลย" ผู้กำกับพูดพลางตบเบาๆที่ต้นแขนของทั้งคู่ ก่อน
เริ่มอธิบายต่อ
"หลักๆเลยนะ ตัวของวอนอูจะเป็นคนที่รอคอยความชัดเจน ส่วนมินกยูเป็นคนที่กำลัง
"หลักๆเลยนะ ตัวของวอนอูจะเป็นคนที่รอคอยความชัดเจน ส่วนมินกยูเป็นคนที่กำลัง
สับสน ซีนแรกจะเป็นซีนในห้องครัวนะ"
"ห้องครัวเซตเรียบร้อยค่า" ทีมงานคนหนึ่งตะโกนบอก
การซ้อมฉากห้องครัวเริ่มขึ้น หลังจากที่ผู้กำกับอธิบายลำดับให้แก่ทั้งสองคนเข้าใจ
“อ่ะวอนอูทำท่าคนอาหารในหม้อที่วางอยู่บนเตา จากนั้นมินกยูก็เดินเข้ามาในครัวและมา
"ห้องครัวเซตเรียบร้อยค่า" ทีมงานคนหนึ่งตะโกนบอก
การซ้อมฉากห้องครัวเริ่มขึ้น หลังจากที่ผู้กำกับอธิบายลำดับให้แก่ทั้งสองคนเข้าใจ
“อ่ะวอนอูทำท่าคนอาหารในหม้อที่วางอยู่บนเตา จากนั้นมินกยูก็เดินเข้ามาในครัวและมา
ยืนอยู่ข้างหลังของอีกคนอย่างเงียบๆ โดยที่อีกคนไม่รู้ตัวนะ”
ทั้งสองทำตามลำดับที่ผู้กำกับบอก
“โอเค คนไป แล้ว นับ 1 ถึง 5 ในใจ วางทัพพีแล้วหมุนตัวหันมาเลยนะ”
วอนอูทำตาม แต่ดูเหมือนว่ายังไม่เป็นที่น่าพอใจของผู้กำกับ
“ไกลไป มินกยูเดี๋ยวขยับไปยืนให้ชิดกว่านี้นะ”
“ครับ” มินกยูรับคำ
“เอาล่ะ เริ่มใหม่นะ มินกยูเดินเข้ามา โอเคดี มาหยุดข้างหลัง ขยับไปอีกชิดขึ้นอีก”
มินกยูทำตามโดยขยับตัวเข้าไปยืนใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนผู้กำกับโอเค
“อ่ะ ต่อไปวอนอูหันมา หันมาแบบไม่รู้ตัวว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลัง หมุนตัวมาเร็วๆเลย ไม่
ต้องกลัวชนนะ”
วอนอูทำตามแต่ก็แอบเกร็งคอเพราะกลัวจะชนกับคนตรงหน้า
“ไม่ต้องเกร็งๆ ให้คิดว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น หมุนมาเร็วๆเลย ผมของนายจะโดนจมูกมินกยู
พอดี จากนั้นมินกยูจะเอนหัวไปข้างหลังพลางย่นจมูกเพราะผมทิ่มนะ เริ่มใหม่นะ”
“ครับ” วอนอู และมินกยูรับคำ
“เอ้า ทีมงานเปิดเพลงบิ้วท์หน่อยสิ” ผู้กำกับตะโกนออกให้ทีมงานเปิดเพลงของมิวสิค
วิดีโอขึ้น ก่อนที่สองคนจะเริ่มซ้อมกันอีกรอบ
“อ่ะ โอเค ค้างไว้ท่านั้นก่อน จากนั้นมินกยูค่อยๆก้มหน้าลงไป ให้ปลายจมูกไปโดนกับ
ปลายจมูกของวอนอูนะ”
การซ้อมฉากในครัวเริ่มขึ้นอีกครั้งแม้ว่าครั้งนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ผู้กำกับก็บอกว่าให้
มินกยูยืนชิดๆกว่านี้อีกนิด และต้องการให้ทั้งสองคนผ่อนคลายเพื่อความเป็นธรรมชาติ
มากกว่านี้อีกนิด
“เอาล่ะพัก 10 นาที ซับหน้านักแสดง แล้วก็แสงในห้องสว่างไปนิดนะ ลดแสงลงหน่อย
เดี๋ยวกลับมาถ่ายจริง”
“เฮ้อ” วอนอูถอนหายใจพลางทรุดตัวลงนั่งหลังจากที่แยกตัวออกมา
“อะไรกัน ยังไม่ทันถ่ายจริงเลย เหนื่อยแล้วหรือไง” ผู้จัดการพูดเมื่อเห็นท่าทางของเขา
“ทำไมพี่ไม่บอกผมว่าต้องเล่นคู่กับใคร”
“อ้าว ก็ให้อ่านบท อ่านอะไรไม่อ่านเองนี่”
“แต่ผมไม่ชอบไอ้คนนี้นี่”
“หมายถึงใคร...น้องมินกยูน่ะหรอ น่ารักดีออก”
“แหวะ ไม่เห็นจะน่ารักเลย”
“นี่ เอาเถอะเรารับงานมาแล้ว ทนๆหน่อย งานในวงการเราเลือกคนไม่ได้นะ ท่องไว้ นายก็
รู้นี่”
“ดื่มชาไหมครับ” มินกยูที่เดินมาหาทั้งสองคนเอ่ยขึ้น
“มาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย” วอนอูนึกพลางทำหน้างอ
“แหมอุตส่าห์ถือมาให้ขอบคุณนะคะ นั่งก่อนสิคะ” ผู้จัดการพูด
“ขอบคุณครับ” เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับวอนอู
“เอ่อ สองคนคุยกันไปก่อนนะเดี๋ยวเจ้มา”
“ดะ...เดี๋ยวครับ” ยังไม่ทันที่วอนอูจะได้พูดอะไร คุณผู้จัดการก็เผ่นไปไกลแล้ว
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดูไม่ค่อยโอเคเลย” มินกยูยื่นแก้วน้ำให้พลางถาม
“ก็เพราะนายนั่นแหละ แล้วนี่อะไรน้ำใส่สลอดป่ะเนี่ย ทำเป็นมีน้ำใจ” วอนอูนึกพลางรับ
แก้วน้ำมาถือ
“กังวลนิดหน่อยน่ะครับ” วอนอูตอบไปอย่างนั้น
“อย่ากังวลเลยครับ ทำตัวให้สบายกันเถอะ คิดซะว่าผมเป็นเพื่อนคนหนึ่งแล้วกันครับ”
“ใครอยากเป็นเพื่อนกับนายกัน” วอนอูนึก แต่ก็พยักหน้ารับคำไปอย่างนั้น
“ดื่มน้ำชาอุ่นๆหน่อยสิครับ เผื่อจะได้รู้สึกดีขึ้น” เขาพูดพลางมองไปที่แก้วที่อีกคนเอาแต่
ถือไว้
“อ่าาา ครับ” วอนอูจำใจยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“เรามาถ่ายรูปคู่กันสักรูปไหมครับ”
“ห้ะ!” วอนอูอุทาน
“เราเพิ่งเคยร่วมงานกันครั้งแรก ผมเลยอยากมีรูปคู่กับคุณวอนอูน่ะครับ เอ่อ...ถ้าไม่
รังเกียจ”
“ก็รังเกียจไงเล่า” วอนอูนึก
“เริ่มถ่ายทำฉากแรกใน 2 นาที ขอให้ทุกคนมาประจำที่ค่า” ทีมงานตะโกนบอก
วอนอูลุกขึ้นยืนทันทีพลางถอนหายใจ ที่เขาไม่ต้องถ่ายรูปคู่กับไอ้หมอนี่
“วอนอู...เขาเรียกแล้วไหนดูสิ หน้า ผม โอเคหรือยัง” ผู้จัดการที่เพิ่งเดินกลับมาจับวอน
อูหมุนไปมาเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง
“ผมว่า...โอเคมากเลยล่ะครับ” มินกยูที่ก้มหน้าลงมามองพูดขึ้น
“ว๊ายยย ขอบคุณนะคะ ชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้วอนอูก็เขินแย่เลย”
“ผมขอไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” พูดพลางโค้งให้เล็กน้อยก่อนเดินไป
“ใครเขิน น่ารำคาญจะตาย” วอนอูพูดขึ้นแบบไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“เอาน่า...อดทนหน่อยนะ สู้ๆ”
การถ่ายทำจริงเริ่มต้นขึ้น
มินกยูเดินเข้ามาในห้องครัว แล้วมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของวอนอู
“คัททท เราต้องไม่รู้ตัวสิวอนอู ทำไมสะดุ้งอย่างนั้นล่ะ” ผู้กำกับสั่งคัทเเพราะวอนอูสะดุ้ง
ตอนที่มินกยูมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง
“เอ่อ ขอโทษครับ” เขากล่าวขอโทษก่อนหันไปมองตาขวางใส่คนต้นเหตุ ที่เพียงแค่ยก
ยิ้มมุมปากให้
“วอนอู สู้ๆ” ผู้จัดการส่งกำลังใจให้ แม้ว่าในใจอยากจะตะโกนบอกว่าให้อดทนหน่อย
ก็ตาม
“เริ่มใหม่นะ 5 4 3 2”
การถ่ายทำฉากในครัวครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้นและถูกสั่งคัทอีกครั้งด้วยสาเหตุเดียวกับการคัท
ครั้งก่อนหน้า
“ยังไม่ได้นะ วอนอูผ่อนคลายหน่อย” ผู้กำกับตะโกนบอก
“ขอโทษครับ” เขากล่าวขอโทษพลางโค้งให้
“อยากพักหน่อยไหม” ผู้จัดการพูดเสียงเบาให้อีกคนอ่านปาก
เขาส่ายหน้าเป็นเชิงปฎิเสธ
“ผมขอเวลาห้านาทีได้ไหมครับ” มินกยูหันไปบอกผู้กำกับ
“อ่ะ โอเคพักห้านาที”
“ต้องการอะไรหรือเปล่าคะน้องมินกยู” ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม
“ไม่ครับ ขอบคุณนะครับ ขอเวลาให้ผมสองคนก็พอครับ”
“อ๋อ ค่า ได้เลยค่า” ทีมงานพูดพลางยิ้มกว้างก่อนกวักมือเรียกคนอื่นๆออกไปจากห้อง
ครัว จนเหลือแค่เพียงมินกยูและวอนอูที่อยู่ภายในห้องครัว
“ผมคิดว่าคุณจะเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ซะอีก”
“นี่นาย… ก็ถ้านายไม่...”
“ในบทเราต้องสนิทกันนี่ครับ”
“ก็ใช่ แต่นายก็ไม่จำเป็นต้อง…” เขาหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ก็จะให้พูดออกไป
อย่างไรล่ะว่าต้นเหตุที่ทำให้เขาเสียสมาธินั่นเป็นเพราะว่าอีกคนเข้ามายืนชิดจนอวัยวะบางอย่างมาแนบชิดกับสะโพกของเขา
“ผม...ทำไมหรอครับ” ถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก ไอ้คนลามก” วอนอูนึก
“หรือเป็นเพราะว่าเรายังสนิทกันไม่พอ” มินกยูถามพลางก้มหน้าลงมาใกล้
“แล้วนายจะทำยังงัย” วอนอูพลั้งปากถามออกไปอย่างนั้น แต่ถ้าเขารู้ก่อนว่าจะเกิดอะไร
ขึ้นหลังจากนี้เขาคงจะไม่พูดมันออกไป
มินกยูไม่ตอบอะไรแต่เดินอ้อมไปข้างหลัง ก่อนใช้แขนแกร่งรวบเอวบางแล้วดึงร่างของ
อีกคนให้เข้ามาแนบชิด คนถูกกระทำสะดุ้งและออกแรงดิ้นให้ตัวเองหลุดจากแขนแกร่ง
“ชู่ววว อย่าดิ้นสิครับ” มินกยูกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของวอนอู จนอีกคนเอียงคอหลบ
“ปล่อยนะ นายจะทำอะไร” วอนอูออกแรงดิ้นมากขึ้นและเช่นเดียวกันกับแขนแกร่งที่ยิ่ง
เพิ่มแรงรัดมากขึ้น
“เหลือแค่ 2 นาทีแล้วอยู่นิ่งๆแปบนึงนะครับ” กระซิบที่ข้างหูอีกครับ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่
ได้ผลอีกคนทั้งดิ้นทั้งออกแรงแกะแขนที่โอบรอบเอวของตัวเองออก
“ผมบอกให้หยุดดิ้นงัยครับ” ทันทีที่พูดจบก็หอมฟอดเข้าที่ซอกคอขาว
“นี่นาย บ้าไปแล้วหรอ”
“ก็ถ้าไม่หยุดผมก็จะทำอีก”
คราวนี้คนถูกกระทำหยุดนิ่งโดยเร็วแม้จะโมโหอีกคนแค่ไหนแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาเป็น
ฝ่ายเสียเปรียบจึงต้องยอมแต่โดยดี
“พอได้แล้วเดี๋ยวก็มีคนเข้ามาเห็นหรอก” วอนอูพูดขึ้น เป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้จัดการเข้า
มาเห็นภาพพอดี แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นแล้วรีบหันหลังกลับก่อนที่ทั้งสองคนจะรู้ตัว
การถ่ายทำเริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แต่พอถึงฉากที่มินกยูก้มหน้าลง
ไปใกล้กับใบหน้าของวอนอู วอนอูเผลอหลับตาไปเสียก่อน
“คัทททท เอาใหม่ อย่าหลับตา จ้องไว้ ค้างอย่างนั้น” เสียงของผู้กำกับดังขึ้น
การถ่ายทำเริ่มต้นที่วอนอูหันหลังมาชนกับอกของมินกยูจากนั้น มินกยูก็ค่อยๆก้มหน้าลง
ไปใกล้กับใบหน้าของวอนอู โดยมีสายตาของวอนอูที่คอยจ้องมองใบหน้าของอีกคน
ราวกับต้องการค้นหาคำตอบ จนปลายจมูกของทั้งสองเริ่มสัมผัสกัน
“ค้างไว้ 5 4 3 2 ขยับช้าๆ” เสียงผู้กำกับบอก
มินกยูและวอนอูหลับตาลง มินกยูเริ่มขยับใบหน้าใบหน้า ใช้ปลายจมูกหยอกล้อเล่นกับ
ปลายจมูกของอีกคน จากนั้นก็ค่อยๆลืมตา โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้น เผลอริมฝีปาก
เล็กน้อย
“คัททททท ฉากในครัวผ่านนนน” เสียงผู้กำกับตะโกน ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจของ
วอนอู
ทีมงานแยกย้ายกันไปจัดเตรียมฉากในซีนถัดไป ส่วนทั้งวอนอูและมินกยูต่างก็เดินกลับ
ไปนั่งพักกับผู้จัดการของตนเอง
“ขอถอนตัวได้ไหม” วอนอูพูดขึ้นทันทีที่นั่งลงบนโซฟา
“ล้อกันเล่นใช่ไหม”
“พูดจริง ผมล่ะไม่ชอบหมอนั่นเลย”
“อ่ะไหนบอกเหตุผลที่ไม่ชอบมาสิ”
“ก็เมื่อกี้ไอ้หมอนั่นมัน...เฮ้อ ช่างมันเถอะครับ”
ก็อยากจะบ่นให้ฟังอยู่หรอกแต่มันก็ออกจะน่าอายไปหน่อยที่ต้องมาเล่าว่าโดนหอมคอ
โดนกอดโดยผู้ชาย ก็เลยตัดบทจบด้วยการบอกว่าช่างมันเถอะ
“ดีแล้ว เพราะถึงยังงัยนายก็ถอนตัวไม่ได้แล้วล่ะ สายไปแล้วจ้ะหนู”
วอนอูไม่พูดอะไรแต่นั่งทำหน้างอ
“นี่ ไม่ต้องมานั่งทำหน้างอเลย ดูไม่ดีเลยเนี่ย เดี๋ยวใครเค้ามาเห็นเข้ามันไม่ดีนะ”
“คร้าบบ” วอนอูรับคำไปอย่างนั้น
“ก็ถ้านายไม่ชอบ นายก็แค่กลั้นใจเล่นให้มันจบไปเร็วๆ นี่คือวิธีที่ดีที่สุด โอเค๊”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น