Just Acting No.4

Just Acting No.4

เวลาพักกอง
“วันนี้ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่คอยให้คำแนะนำ น้องยังใหม่อยู่มีอะไรก็ติชมได้เลยนะคะ” ผู้จัดการกล่าวกับผู้กำกับ
“ผมว่าวอนอูก็ทำออกมาได้ดีทีเดียวนะครับ” ผู้กำกับกล่าว
“อูยยย ขอบคุณนะคะ แต่ยังมีที่ต้องได้รับคำแนะนำอีกเยอะค่ะ”
วอนอูเพียงโค้งให้ผู้กำกับเล็กน้อยเป็นการขอบคุณสำหรับคำชม
“อ้าว..มินกยู นั่งก่อนสิคะ” ผู้จัดการเรียกให้มินกยูมานั่งข้างๆเขา
วอนอูเบือนหน้าหนี เขาล่ะอยากจะหนีกลับบ้านซะตอนนี้เลย
“ก็ต้องขอบคุณน้องมินกยูด้วยเหมือนกันนะคะ ที่คอยช่วยวอนอูตลอดเลย”
“อ่า..จริงๆผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอกครับ วอนอูน่ะเขาเก่งอยู่แล้วครับ” พูดพลางชำเลืองมองไปที่อีกคน ก่อนที่วอนอูจะขอตัวไปพักที่ห้องรับรอง
ทุกคนในกองต่างพูดคุยและเพลิดเพลินกับอาหารว่างในช่วงพักกองกันเรียบร้อยแล้ว ผู้กำกับก็ได้เวลาบรีฟงานช่วงสุดท้าย
“ก็จะเหลือซีนสั้นๆอีก 4-5 ซีนนะ แล้วก็อาจจะมีเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมในบางซีนนะ”
กล่าวแจ้งกับทุกคนก่อนจะเรียกนักแสดงทั้งสองคนมาฟังบรีฟอย่างละเอียดอีกครั้ง

เริ่มการถ่ายทำซีนที่หนึ่ง สองและสาม เป็นซีนที่วอนอูกำลังจะออกจากห้องด้วยความเร่งรีบในตอนเช้า แต่มินกยูก็มักจะคอยจัดทรงผม และเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน และซีนสุดท้ายคือซีนโต๊ะอาหารที่มินกยูเอื้อมมือไปเช็ดคราบเลอะที่ริมฝีปากให้อีกคน  
“โอเค คัท” อันทีที่สิ้นเสียงของผู้กำกับ วอนอูก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและนั่นก็ชัดเจนมากพอที่คนข้างๆจะสังเกตเห็นได้
“ทำไมครับ โล่งใจขนาดนั้นเลยหรอครับ” มินกยูกระซิบถาม
อีกคนไม่ตอบอะไร แต่มองตาขวางใส่แทน

หลังจากที่นักแสดงทั้งสองคนเปลี่ยนชุดและเตรียมพร้อมที่จะกลับกันแล้ว จู่ๆผู้กำกับก็เรียกทั้งสองมาพูดคุยอีกครั้งถึงฉากที่เป็นจุดหลักของเรื่องที่ยังต้องการเพิ่มรายละเอียดอีกนิดหน่อย มินกยูยกยิ้มมุมปากก่อนเหลือบมองไปที่อีกคนที่พยายามก้มหน้าลงเพื่อปกปิดสีหน้าของตัวเองในตอนนี้

หลังจากที่ปล่อยให้ทั้งสองคนไปแต่งตัว เขาก็เรียกบรีฟกับทีมงานในส่วนต่างๆอีกครั้ง
เพื่อเตรียมความพร้อม

“ไม่อยากถ่ายแล้วอ่ะ ไหนว่าหมดแล้วไง” วอนอูบ่นทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัว
“เอาน่า อีกนิดเดียวเอง ก็ทำๆให้มันเรียบร้อยไปในวันเดียวนี่แหละ ดีกว่าต้องมาถ่ายวันอื่นอีกนะ” ผู้จัดการปลอบ
“แต่ผมไม่อยากทำแล้วอ่ะ” พูดพลางทรุดตัวลงบนโซฟาตัวยาวทำท่าจะเอนตัวนอนลงไป
“อ่ะนี่เปลี่ยนชุดซะ” พูดพลางยื่นเสื้อผ้าให้
ยื่นมือไปรับเสื้อผ้ามาก่อนล้มตัวลงนอนบนโซฟา
“นี่...ไม่เอาน่า มารีบๆทำให้จบๆกันเถอะ เดี๋ยวเสร็จงานแล้วพาไปเลี้ยงเนื้อย่าง”
“ไม่อ่ะ ผมไม่อยากกิน”
ถอนหายใจออกมาก่อนพูดข้อเสนอ “งั้นให้หยุดยาวสองวันเลย”
“สี่” เขายื่อข้อเสนอบ้าง
“ไม่ได้ มีถ่ายงานนะ”
“งั้น ผมก็จะนอนอยู่แบบนี้แหละ”
หลังจากยืนกอดอกมองคนดื้ออยู่พักใหญ่ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนเดินออกจากห้องไป

ประตูห้องถูกเปิดออกหลังจากที่ผู้จัดการเดินออกไปพักใหญ่ๆ แต่คนที่กลับมานั้น
“แต่งตัวเสร็จหรือยังครับ” มินกยูที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเดินเข้ามาแทน
“นายเข้ามาทำไม” วอนอูที่ผุดลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงอีกคน
“ทำไมล่ะ ผมเข้ามาไม่ได้หรอ” พูดพลางทำหน้ารู้สึกผิดใส่อีกคน
“จะเปลี่ยนชุด ออกไปได้แล้ว” พูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วยกชุดที่ถือในมือให้อีกคนเห็น
“ก็เปลี่ยนสิครับ” ผายมือไปทางห้องแต่งตัว
“นี่...ถ้านายคิดจะมาทำอะไรบ้าๆอีกล่ะก็…” ยกนิ้วชี้ขึ้นมาชี้หน้าอีกคน
“เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย ผมก็แค่เป็นห่วง”
“ห่วงอะไรของนาย ออกไปก่อนไป” พูดพลางเดินไปเปิดประตูให้อีกคน
เขาถอนหายใจทันทีที่อีกคนออกไป วันนี้เขาเหนื่อยจนไม่อยากจะทะเลาะด้วยแล้ว

หลังจากที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไปจากห้อง และพบว่าอีกคนยังคงยืนรออยู่ที่หน้าห้องของเขา ก็อยากจะไล่ให้ไปไกลๆอยู่หรอก แต่เหนื่อยจะทะเลาะด้วยแล้วจึงได้แต่เดินตามไปเงียบๆ
“คุณมินกยูเชิญทางนี้ค่ะ” ทีมงานคนหนึ่งวิ่งมาเชิญมินกยูให้ไปอีกทาง
“ส่วนคุณวอนอูเชิญทางนี้นะคะ” ทีมงานอีกคนพุโพลางพาเขาเดินไปอีกทางเพื่อเชคทรงผมและเติมเครื่องสำอางก่อนเข้าฉาก และบอกให้เขานั่งรอผู้กำกับเรียกเข้าฉากอยู่ตรงนี้ก่อน
เขานั่งรออยู่พักใหญ่ๆพลางมองหาผู้จัดการของเขาที่ตั้งแต่ออกจากห้องไปก็หายไปเลย “คงไม่ได้งอนไปแล้วนะ” เขานึกในใจก่อนกลับมาสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ

หลังจากที่นั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่พักใหญ่ก็มีทีมงานมาพาไปเข้าฉากที่ห้องครัว ซึ่งมีทีมงาน ผู้กำกับและผู้จัดการของเขาอยู่ที่นั่นด้วย ส่วนมินกยูก็ยืนเตรียมพร้อมในฉากแล้ว
“งั้นเริ่มกันเลยนะ” ผู้กำกับพูดขึ้นหลังจากที่เห็นวอนอูเดินมา ก่อนที่จะมีทีมงานพาไปยืนประจำตำแหน่งในฉาก

การถ่ายซ่อมฉากในห้องครัวเริ่มต้นและดำเนินไปเหมือนกับตอนถ่ายครั้งก่อนหน้า วอนอูที่ยืนทำอาหารอยู่หันหลังกลับมาเพราะตกใจที่จู่ๆอีกคนก็มายืนข้างหลังเขาโดยไม่ทันตั้งตัว และด้วยความที่หลังมาด้วยความรวดเร็วบวกกับระยะห่างระหว่างอีกคนที่มีเพียงน้อยนิดทำให้เขาเสียหลักจะล้มแต่มือของอีกคนก็โอบรอบเอวของเขาเพื่อประคองไว้ได้ทัน ก่อนที่จะค่อยๆกลับมายืนปกติได้ แต่ทั้งสองก็ยังไม่ได้ผละออกจากกัน ใบหน้าของอีกคนค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขาจนปลายจมูกชนกัน ก่อนผละออก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีปฏิเสธ จึงใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าของอีกคนแล้วค่อยๆก้มหน้าลงมาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนฝ่ายที่ถูกกระทำเผลอหลับตาเพราะความใกล้จนเกินไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้กำกับสั่งคัท

ดวงตาของเขาเบิกโพลงเพราะริมฝีปากถูกสัมผัสโดยอวัยวะเดียวกันจากอีกคน
“ค้างไว้ๆ” เสียงของผู้กำกับดังขึ้น
ฝ่ามือของคนถูกกระทำจากที่ยกขึ้นจับต้นแขนของอีกคนเพื่อที่จะผลักออกแต่พอได้ยินเสียงของผู้กำกับเปลี่ยนมาเป็นออกแรงบีบต้นแขนแกร่งนั้นแทน
“โอเคคัท” เสียงของผู้กำกับดังขึ้นอีกครั้ง
“นาย” วอนอูพูดทันทีที่ผละออก
คนกระทำมองดูคิ้วที่ขมวดของอีกคน เขารู้ได้ในทันทีว่าอีกคนโกรธเขาแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสำหรับการอธิบาย
“เมื่อกี้ดีมากนะ น่าพอใจ แต่ขออีกรอบนะ ในตอนแรกเราลืมตาด้วยความตกใจแล้วเนี่ย ต่อมาให้หลับตานะ เดี๋ยวจะให้สัญญาณ” ผู้กำกับเดินเข้ามาอธิบายให้ทั้งสองคนฟัง วอนอูพยักหน้ารับรู้
“ส่วนเราทำแบบเมื่อกี้โอเคแล้วนะ แต่ขอให้ค่อยๆเลื่อนมือจากหน้าลงมาที่เอวนะ”
“ครับ” มินกยูรับคำ
“โอเค พร้อมนะ” ผู้กำกับให้สัญญาณเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถ่ายทำ
มินกยูที่เดินเข้ามาในห้องครัวอย่างเงียบๆ มายืนอยู่ข้างหลังของวอนอูที่กำลังทำอาหารอยู่ ทำให้อีกคนตกใจหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็วจนเงียบจะเสียการทรงตัวแต่ถูกคว้าไว้ด้วยกล้ามแขนแกร่ง ก่อนที่ใบหน้าของอีกคนค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าของวอนอูจนปลายจมูกชนกัน และผละออกจากกัน คนกระทำใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าของอีกคนแล้วค่อยๆก้มหน้าลงมาใกล้ ฝ่ายที่ถูกกระทำหลับตาลง และเมื่อริมฝีปากถูกสัมผัสก็ลืมตาด้วยความตกใจ ริมฝีปากล่างถูกครอบครองด้วยริมฝีปากอุ่นของอีกคน
“ค้างไว้ก่อนๆ” เสียงผู้กำกับดังขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนจะดังขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านไปพักใหญ่ “หลับตา” วอนอูทำตามที่ผู้กำกับสั่ง “ค้างไว้ๆ” คนกระทำปล่อยมือออกจากใบหน้าของคนถูกกระทำก่อนเลื่อนมือลงมาจับเอวคอดของอีกคน
“ค้างไว้นะๆ” เสียงผู้กำกับย้ำ
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่สำหรับวอนอูนั้นรู้สึกเหมือนเป็นเวลาที่นานนับชั่วโมง สิ่งที่เขาอยากได้คิดมากที่สุดในตอนนี้คือเสียงคัทของผู้กำกับ จากมือที่แค่เพียงจับต้นแขนแกร่งเริ่มลงแรงบีบมากขึ้นและมากขึ้น
“คัทททท” เมื่อได้ภาพที่ต้องการแล้วผู้กำกับจึงสั่ง อันเป็นสิ้นสุดการถ่ายทำของวันนี้

ระหว่างที่นักแสดงทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวกลับ ผู้จัดการของวอนอูก็เดินเข้ามาหาผู้กำกับ
“จริงด้วยค่ะ ผู้กำกับเก่งมากเลยนะคะ”
“ผมบอกแล้ว ไว้รอดูตอนตัดต่อเสร็จได้เลย” ผู้กำกับพูดด้วยความภาคภูมิใจ

30 นาที ก่อนหน้านี้
“ผมว่าเหมือนยังขาดอะไรไปนะ จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอให้คุณจูบจริง” ผู้กำกับกล่าวขึ้น ในห้องที่มีเพียงแค่เขา มินกยู และผู้จัดการของวอนอู
“ถ้าสำหรับผมไม่มีปัญหาครับ แต่ว่าเราไม่ต้องถามคุณวอนอูหรอครับ”
“นั่นแหละประเด็น ถ้าวอนอูรู้ก่อนผมกลัวว่าภาพจะออกมาไม่สมจริง แล้วอีกอย่างเราก็มีผู้จัดการของเขามาอยู่ที่นี่แล้ว” ผู้กำกับอธิบาย
“เห็นด้วยค่ะ เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะน้องมินกยู คุณภาพของงานสำคัญกว่านะคะ” ผู้จัดการ
“ตามนี้นะมินกยู โอเคนะ” ผู้กำกับย้ำก่อนที่จะปล่อยให้มินกยูไปพัก
“แต่ว่าเรื่องที่ผู้กำกับบอกว่าอยากได้ซีนจูบกลับนี่มัน…” ผู้จัดการพูดหลังจากที่มินกยูออกจากห้องไป
“เรื่องนั้นน่ะหรอ คุณพอจะพูดกับเขาได้ไหมล่ะ” ผู้กำกับถาม
“น่าจะยากนะคะ น้องยังไม่เคยเล่นเลิฟซีนเลย”
“แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมคิดวิธีไว้แล้ว”
“วิธี...ยังไงหรอคะ”
“ผมจะสั่งให้ทั้งสองคนค้างไว้เพื่อเก็บภาพ และนั่นมันก็นานพอที่จะทำให้เขากลืนน้ำลาย”
“กลืนน้ำลาย…” ผู้จัดการทำหน้างง
“ใช่ครับ พอกลืนน้ำลายริมฝีปากก็จะขยับ นั่นเท่ากับว่าเขากำลังจูบกลับยังไงล่ะ”
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ ถ้ามีงานอะไรเรียกใช้ได้นะคะ” ผู้จัดการที่เดินออกมาพร้อมกับวอนอูพูดกับผู้กำกับ
“ได้เลยครับ เดินทางกลับดีๆนะครับ”
“ขอบคุณทีมงานทุกคนด้วยนะคะ” เขาพูดพลางโค้งให้ทุกคนเล็กน้อย
“จะกลับแล้วหรอครับ” มินกยูที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องพูดทักขึ้น เขาจงใจทักวอนอูแต่อีกคนเสมองไปทางอื่นแทน
“ค่ะ วันนี้ขอบคุณมากนะคะ” ผู้จัดการตอบแทน
“อย่าเพิ่งกลับกันนะคะทุกคน รบกวนเวลาอีกนิดนะคะ มาถ่ายรูปรวมกันด้านนี้หน่อยค่า” เสียงทีมงานคนหนึ่งตะโกนบอก
“จริงด้วย ยังไม่ได้ถ่ายรูปรวมเลย ไปถ่ายรูปกันวอนอู” ผู้จัดการพูดพลางคว้ามือวอนอูให้เดินตามไป
“แต่ผมอยากกลับแล้ว” เขาพูดพลางขืนตัว
“ไปเถอะไม่นานหรอก”

ผู้จัดการแยกไปยืนรวมกับทีมงานปล่อยให้นักแสดงและผู้กำกับถ่ายรูปกันก่อน เขาสังเกตเห็นสายตาของมินกยูที่ลอบมองวอนอูอยู่เป็นระยะ แต่แม้ตอนที่ถ่านรูปรวมทุกคน มินกยูก็พยายามที่จะไปยืนใกล้กับวอนอู
“จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมจะขอไปส่งวอนอู” มินกยูที่รีบเดินเข้ามาหาผู้จัดการของวอนอูทันทีที่แยกตัวออกมา
“คะ” ผู้จัดการสงสัย พลางมองหาคนที่ถูกพูดถึงที่ตอนนี้กำลังถ่ายรูปอยู่กับทีมงานที่มาขอถ่ายรูปคู่ด้วยอยู่
“คือผมอยากขอโทษเค้าน่ะครับ” มินกยูอธิบาย
“อ่า...งั้นสักครู่นะคะ” ตอบพลางขยิบตาให้อีกคน ก่อนก้มลงพิมพ์บางอย่างลงในโทรศัพท์ของตัวเอง
หลังจากที่ขอปลีกตัวออกมาจากถ่ายรูปได้แล้ว ก็มองหาผู้จัดการของตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อจะโทรหาแต่ก็เห็นแจ้งเตือนข้อความซะก่อน
“วอนอู...ขอโทษทีนะ พอดีต้องเข้าไปคุยกับบอสด่วน เลยต้องขอกลับด่วน แต่ไม่ต้องห่วงนะ ไปที่จอดรถได้เลย มีคนรอรับอยู่ แล้วกระเป๋าของนายก็อยู่ที่คนนั้นแล้วนะ ขอโทษด้วยน๊าา…”
“หืมมมม” เขาอุทานออกมาด้วยความแปลกใจหลังจากที่อ่านข้อความจบ เพราะต่อให้รีบยังไง ผู้จัดการก็ไม่มีทางทิ้งเขาไว้แบบนี้ นี่มันแปลกเกินไป แต่ก็ช่างเถอะ เขาสะบัดหัวไล่ความคิด เพราะตอนนี้เขาอยากจะกลับไปพักเต็มทีแล้ว
เขาเดินออกไปที่ลานจอดรถหลังจากที่กล่าวลาทุกคนแล้ว “จะได้กลับไปพักสักที” เขานึกระหว่างทางเดิน และชนเข้ากับใครบางคน
“อ๊ะ...ขอโทษนะครับ” เขากล่าวพลางโค้งให้เล็กน้อย
“กลับบ้านกันครับ” เสียงทุ้มของคนตรงหน้าดังขึ้น
“หรือจะเป็นคนที่มารับเขากันนะ” วอนอูนึกพลางเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า
“นาย” อุทานออกมาก่อนถอนหายใจ
“กลับกันครับ” พูดพลางยกกระเป๋าในมือให้อีกคนเห็น
“นายไปกระเป๋าเอามาจากไหน” ถามเมื่อเห็นกระเป๋าของตัวเองอยูาในมือของอีกคน
“ไปเถอะครับนี่ก็ดึกมากแล้ว” มินกยูไม่ตอบแต่เดินนำอีกคนไปที่รถ
“ขึ้นรถเถอะครับ” เขาพูดเมื่อเห็นว่าอีกคนยังยืนอยู่ที่เดิม
“ไม่…” วอนอูตอบห้วนๆ
“มาเถอะครับ ถ้าคุณจะรอคนมารับน่ะ คนนั้นคือผมเอง” มินกยูที่เดินกลับมาหาพูดด้วยความใจเย็น ก่อนคว้าข้อมือของอีกคนแล้วพาเดินไปที่รถของตัวเอง
“ปล่อย” พูดพลางสะบัดมือของตัวเองออก
“งั้นก็เดินตามผมมาสิครับ ถ้าไม่เดินผมจะอุ้มไปนะ” มินกยูขู่
“พอใจนายหรือยัง” วอนอูพูดหลังจากที่เข้าไปนั่งในรถ
“ยังครับ” มินกยูตอบ
“ห๊ะ อะไรนะ”
“ขาดเข็มขัดด้วยครับ”
วอนอูทำตามแต่โดยดี เขาเหนื่อยกับนายคนนี้เหลือเกิน แล้วนี่ยังต้องมานั่งรถคันเดียวกันอีก
“หิวไม่ครับ อยากแวะทานอะไรก่อนกลับไหมครับ” มินกยูเริ่มบทสนทนาเมื่อรถเคลื่อนตัว
วอนอูไม่ตอบอะไรเขาเอนหลัง หลับตาลง และผล๊อยหลับไปเพราะความเพลียจากการถ่ายทำนานหลายชั่วโมงตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืน

“วอนอูครับ วอนอู” มินกยูเรียกอีกคนเพื่อให้แน่ใจว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆหรือแสร้งหลับกันแน่ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
“ถ้าไม่ตื่นผมจะพาไปบ้านของผมแทนนะ”


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม